×

Player Profile : ‘To Run Fast, You Need To Be Patient’ คุยกับ เจนทรี แบรดลีย์ โค้ชชาวอเมริกัน กับภารกิจพา ‘บิว’ สู่ 100 ม. ต่ำ 10 วินาที

โดย THE STANDARD TEAM
22.11.2025
  • LOADING...
Player Profile : ‘To Run Fast, You Need To Be Patient’ คุยกับ เจนทรี แบรดลีย์ โค้ชชาวอเมริกัน กับภารกิจพา ‘บิว’ สู่ 100 ม. ต่ำ 10 วินาที

เหลือเวลาไม่กี่สัปดาห์ ก่อนที่มหกรรมซีเกมส์ 2025 การแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาเซียน จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการบนแผ่นดินไทย และทัพนักกีฬาไทยต่างอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายเพื่อไล่ล่าเหรียญรางวัลในบ้านเราเอง

 

THE STANDARD SPORT มีโอกาสพูดคุยกับนักกีฬามากมายเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ Player Profile ชุดใหญ่ ว่าด้วยประสบการณ์ ความพร้อม และเส้นทางของนักกีฬาไทยในแต่ละชนิดกีฬา ก่อนก้าวเข้าสู่สนามซีเกมส์ครั้งสำคัญ

 

และหนึ่งในกีฬาที่ถูกจับตาอย่างมาก คือ ‘กรีฑา’ โดยเฉพาะการวิ่งระยะสั้นที่คนไทยทั่วประเทศกำลังฝากความหวังไว้กับ บิว-ภูริพล บุญสอน ลมกรดหนุ่มวัย 19 ปีที่เพิ่งไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ ศึกกรีฑาชิงแชมป์โลก 2025 ประเทศญี่ปุ่น

 

แต่เบื้องหลังของบิวครั้งนี้ เรามีโอกาสได้พูดคุยแบบเจาะลึกกับ เจนทรี แบรดลีย์ โค้ชจาก GBJ Athletics ชาวอเมริกัน ผู้เข้ามาเสริมทีมสต๊าฟโค้ชกรีฑาไทยในช่วงเตรียมแข่งซีเกมส์หนนี้

 

การสนทนาครั้งนี้ไม่เพียงทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเขาเท่านั้น แต่ แบรดลีย์ ยังสะท้อนวิธีคิด มุมมอง และปรัชญาการทำงานของโค้ชผู้ตั้งเป้าชัดเจน นั่นคือการพา บิว-ภูริพล ทำเวลาต่ำกว่า 10 วินาที หนึ่งในภารกิจที่ทั้งแฟนกีฬาและทีมชาติไทยต่างเฝ้ารออย่างยิ่ง

 

ช่วยแนะนำตัวเอง และเล่าประสบการณ์การทำงานก่อนจะมาร่วมทีมชาติไทยหน่อยได้ไหม?

 

สวัสดีครับ ผมชื่อ เจนทรี แบรดลีย์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนและผู้ก่อตั้ง GBJ Athletics ผมทำงานด้านโค้ชชิ่งมาประมาณ 20-25 ปีแล้ว

 

ผมมีประสบการณ์ระดับนานาชาติค่อนข้างมาก เคยเป็นเฮดโค้ชสปรินต์ให้กับทีมชาติซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์ รวมถึงเคยโค้ชนักกรีฑาจากอิหร่านอย่าง มาริยัม ทูซี (Maryam Tousi) และยังเคยร่วมงานกับนักกรีฑาจากเลบานอนอย่าง นูร์ ฮาดิด (Nour Hadid) ด้วย ซึ่งเราก็ประสบความสำเร็จกับนักกีฬาเหล่านั้นมาหลายรายการ

 

ประสบการณ์กับทีมชาติไทยเป็นอย่างไรบ้าง?

 

ยอดเยี่ยมมากครับ เวลาได้เข้ามาอยู่ในที่ใหม่และได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ มันเป็นเรื่องที่ดีเสมอ สิ่งสำคัญคือคุณต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เร็ว และต้องทำความเข้าใจทั้งกับตัวนักกีฬาและวัฒนธรรมนั้นๆ เพื่อจะได้ค้นพบว่าเราควรโค้ชอย่างไรให้เหมาะกับพวกเขา

 

อะไรที่ใช้ได้ผลในซาอุดีอาระเบียหรือในสหรัฐฯ อาจจะใช้ไม่ได้ผลในไทย ดังนั้นผมจึงต้องปรับปรัชญาการฝึกซ้อมให้เข้ากับที่นี่

 

เหตุผล หรือแรงจูงใจ หรือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณเลือกมาร่วมโปรเจกต์ทีมชาติไทยคืออะไร?

 

ผมรู้จัก ‘บิว’ จากที่โค้ชริต้า เธอร์แมน เธอเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่แรก พอได้ยินชื่อเขา ผมก็รู้สึกตื่นเต้นและสนใจทันที และเมื่อมีโอกาสได้เข้ามาโค้ชเขาเพื่อเตรียมทีมสำหรับซีเกมส์ ผมรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยม นี่จะเป็นซีเกมส์ครั้งแรกของผมในฐานะโค้ชด้วย ซึ่งผมรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

ผมมองว่านี่คือโอกาสใหม่ที่จะพัฒนาตัวเอง และหวังว่าจะได้ช่วยยกระดับนักกีฬาอีกคนให้ไปถึงศักยภาพสูงสุดของเขา

 

จากประสบการณ์ของคุณ หลังได้เห็นพัฒนาการของบิวในทีมชาติ หลายคนพูดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะทะลุสถิติต่ำกว่า 10 วินาที คุณมองพัฒนาการตรงนี้อย่างไร?

 

พัฒนาการของบิวถือว่าดีมากครับ และผมเองก็เชื่อว่าเขาทำได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่

 

อันนี้ยังตอบไม่ได้…เพราะสิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับตัวบิวเอง โดยเฉพาะในแง่ของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง

 

เราสามารถเปลี่ยนวิธีซ้อมได้ แต่คำถามคือ…เมื่อถึงเวลาแข่งจริง บิวจะนำสิ่งใหม่ที่เรียนรู้ไปใช้ได้ไหม

 

หลายครั้งเมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น นักกีฬาอาจทิ้งสิ่งที่ฝึกมาแล้วกลับไปใช้รูปแบบเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ บางคนใช้เวลา บางคนปรับเร็ว แต่ความเป็นไปได้มีแน่นอน และผมเชื่อว่าเขาจะทำได้ เพียงแต่เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

 

แล้วคุณมี ‘ปรัชญาการโค้ช’ แบบไหนที่อยากปลูกฝังให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย โดยเฉพาะบิวในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้?

 

ปรัชญาหลักของผมคือ สอนให้นักกีฬารู้จักวิ่งอย่างถูกต้อง และเข้าใจว่าการเป็นนักวิ่งสปรินต์จริงๆ ต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง

 

หลายคนคิดว่าซ้อมหนัก วิ่งเยอะ แล้วจะเร็วขึ้น แต่เรื่องจริงไม่ใช่แบบนั้น สิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องเข้าใจเทคนิคที่ทำให้วิ่งได้เร็ว

 

ผมมักยกตัวอย่างนักกีฬาระดับโลก หรือแม้แต่นักกีฬาชั้นนำในภูมิภาคให้ดู เพื่อให้เห็นว่าเขาทำอะไรบ้างถึงได้ผลลัพธ์แบบนั้น

 

และผมอยากสอนให้นักกีฬาเข้าใจว่า เมื่อคุณเรียนรู้วิธีวิ่งแล้ว คุณจะก้าวลงสู่ลู่วิ่งด้วยความมั่นใจ เพราะคุณรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร และจะทำให้ได้ผลลัพธ์แบบไหน ไม่ใช่ลงไปพร้อมความกังวล หรือต้องไปภาวนาว่า หวังว่าฉันจะทำได้

 

ถ้าพวกเขารู้ว่าแค่ทำตามขั้นตอน A, B, C, D ผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาเอง

 

คุณตั้งเป้าหมายและวางแผนอะไรไว้กับทีมชาติไทยบ้าง? และหวังอยากเห็นอะไรหลังจากผ่านการแข่งขันมาหลายปีกับทีมนี้?

 

ตอนนี้ ผมเป้าหมายแรกอย่างเดียวคือ “คว้าเหรียญทองซีเกมส์” และแน่นอนว่าทุกคนอยากเห็นบิวทำเวลาต่ำกว่า 10 วินาที ผมเองก็อยากเห็นเหมือนกัน แต่ ณ ตอนนี้ เป้าหมายหลักที่สุดคือชัยชนะ

 

ผมพยายามปลูกฝังสิ่งนี้ให้กับนักกีฬา เพราะผมรู้ว่าความสำเร็จอื่นๆ จะตามมาเอง แต่ผมไม่อยากให้นักกีฬาหมกมุ่นกับ ‘รางวัล’ ที่ได้หลังชัยชนะ มากเกินไป ผมอยากให้โฟกัสที่ ‘ชัยชนะ’ ก่อน เพราะเมื่อพวกเขาจดจ่อกับชัยชนะมากเท่าไหร่ รางวัล และ ความสำเร็จนอกสนามพวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล

 

แต่ถ้าพวกเขาคิดถึงกับรางวัลหรือชื่อเสียงมากกว่า มันจะทำให้หลุดจากสิ่งที่ควรทำ และอาจไปไม่ถึงเป้าหมาย

 

แล้วใครคือตัวอย่างที่ดีที่สุดของคนที่ ‘โฟกัสกับชัยชนะ’ จริงๆ ในมุมมองของคุณ?

 

ผมคิดว่าโคบี ไบรอันต์ครับ ใช่เลย โคบี (ขอให้เขาไปสู่สุคติ) แม้ผมจะอายุมากกว่าเขา แต่ผมชื่นชมแรงปรารถนาในการชนะของเขามาก เขามีทั้งความมุ่งมั่นและความปรารถนาที่จะชนะ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

 

ความคิดแบบนั้นมันสอนกันยาก มันต้องมีอยู่ในตัวนักกีฬาอยู่แล้วบางส่วน หน้าที่ของโค้ชคือช่วยดึงมันออกมาให้เต็มที่ หากผมสามารถปลูกฝัง mindset แบบนี้ให้นักกีฬาไทยได้ โดยเฉพาะนักกีฬาที่มีพรสวรรค์อย่างบิว ผมเชื่อว่าพวกเขาจะไปได้ไกลมาก โลกกว้างพร้อมสำหรับพวกเขาเลยครับ

 

ชุมชนกรีฑานานาชาติหลายคนพูดถึงบิวด้วยความตื่นเต้น อยากทราบในมุมของคุณ ในฐานะคนที่มาจากต่างประเทศ พรสวรรค์ระดับบิว “พบได้ยากแค่ไหน”?

 

บอกได้เลยว่า หายากมาก ตอนนี้ผมได้เห็นเขาซ้อม ได้เห็นเขาวิ่งจริงๆ หลายครั้ง แล้วผมยังแอบถามตัวเองเลยว่า “เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?”

 

ผมหมายถึงว่า… เขายังอยู่ในช่วงเรียนรู้วิธีวิ่งที่ถูกต้องอยู่เลย หลายครั้งเขายังติดรูปแบบเดิมๆ ของตัวเอง แต่ยังทำเวลาออกมาได้ดีขนาดนี้ ผมก็รู้สึกทึ่งเหมือนกัน

 

ผมเชื่อว่าพอเขาเข้าใจเรื่องเทคนิคมากขึ้น และสามารถควบคุมร่างกายได้ถูกต้อง…ไม่ใช่แค่ต่ำกว่า 10 วินาที แต่เขามีศักยภาพไปถึง 9 หรือ 8 วินาทีได้ด้วยซ้ำ

 

เมื่อสองสัปดาห์ก่อนเราเพิ่งทำเซสชันกับผู้เชี่ยวชาญด้านไบโอแมคานิกส์ เพื่อดูว่าบิวทำอะไรถูกต้อง และทำอะไรยังไม่ถูกต้องบ้าง ให้เขาเห็นภาพบนหน้าจอแบบชัดๆ รวมถึงผลลัพธ์ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดเหล่านั้น

 

ก็อย่างที่บอก เราต้องทำให้เขาเห็นวิทยาศาสตร์เบื้องหลังการวิ่งของตัวเองให้ชัดเจนที่สุด

 

ถ้าให้คุณนิยามบิวในฐานะนักกีฬาระดับไหนของไทย คุณจะเรียกความสามารถของบิวว่าอะไร?

 

ผมจะเรียกเขาว่า… “ปรากฏการณ์ของประเทศไทย” (the phenomenon)

 

เพราะจากสิ่งที่เขาทำได้ และวิธีที่เขาทำ มันเหนือความคาดหมายมาก ทั้งที่เขายังมีข้อบกพร่องทางเทคนิคหลายอย่างอยู่ แต่เขาก็ยังวิ่งทำผลงานได้สม่ำเสมอมาก ซึ่งมันบอกถึงศักยภาพมหาศาลที่ยังซ่อนอยู่

 

ตอนนี้เป้าหมายคือการปรับมุมมองของเขา ให้เขามีความมั่นใจและสบายใจกับเทคนิคใหม่ๆ ที่เรากำลังสอน แล้วค่อยพัฒนาจากตรงนั้น

 

ถ้าย้อนกลับไปในโลกกรีฑา นักกีฬาคนไหนคือตัวอย่างที่ดีที่สุดของ “นักกีฬาที่โฟกัสกับชัยชนะ”?

 

หนึ่งในตัวอย่างชัดที่สุดคือ ซิดนีย์ แมคกลอคลิน-เลอวโรน (Sydney McLaughlin-Levrone) นักวิ่งข้ามรั้ว 400 เมตร เธอมีพรสวรรค์ระดับสุดยอด แต่ยังคงผลักดันตัวเองทุกวัน ตั้งมาตรฐานให้ตัวเองสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้ผมจะมีโอกาสไปเห็นการซ้อมของเธอที่ลอสแอนเจลิสมาบ้าง ก็ยังรู้สึกทึ่งว่าเธอไม่เคยหยุดพยายามเลย

 

อีกคนที่ยกเป็นตัวอย่างได้คือ โนอาห์ (Noah Lyles) และผมไม่ได้เลือกเพราะเขาเป็นอเมริกัน แต่เพราะเขาเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก เขาเป็นคนที่ไม่ได้ออกตัวเร็ว แต่ใช้ความอดทนในการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ตั้งใจรอจังหวะจนถึงช่วงท้ายแล้วค่อยปล่อยพลังเต็มที่

 

บางครั้งมันได้ผล…อย่างในโอลิมปิก บางครั้งก็ไม่ได้ผล…เหมือนปีนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีแน่นอนคือ ความมุ่งมั่นที่จะชนะ และความอดทนเพื่อจะชนะ

 

ดังนั้นคุณต้องอดทนเพื่อที่จะวิ่งให้เร็ว นั่นคือกุญแจสำคัญของนักวิ่งสปรินต์ ถ้าคุณอยากวิ่งให้เร็ว คุณต้องมีความอดทน

 

“To Run Fast, You Need To Be Patient”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising