ดร.เอกนิติ ยอมรับวางแผนทยอยขึ้น VAT กลับไปสู่ 10% เริ่มปี 2571 ตามแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการคลัง เหตุมองอีก 2 ปี เศรษฐกิจไทยจะกลับมาโตเต็มศักยภาพ แต่หากเศรษฐกิจยังไม่พร้อม อาจใช้มาตรการอื่นแทน
วันนี้ (19 พฤศจิกายน) ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า มีแผนทยอยปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กลับไปสู่ระดับ 10% โดยจะเริ่มปรับขึ้นในปี 2571 พร้อมทั้งระบุว่า แผนการปรับขึ้น VAT ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งผ่านแผนการคลังระยะปานกลาง (Medium Term Fiscal Framework: MTFF) ฉบับใหม่ สำหรับปีงบประมาณ 2570-2573 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
“เราต้องสร้างความมั่นใจให้เห็นว่า ฐานะการคลังเรายังดี ซึ่งความมั่นใจนี้เป็นส่วนที่ทำให้ S&P ไม่ปรับมุมมองอันดับเครดิตเรตติง (Outlook) เราลง โดย Medium Term Fiscal Framework ที่เพิ่งเข้า ครม.ไป เราต้องการแสดงให้เห็นว่า ไทยมีความมุ่งมั่นในการลดขาดดุลการคลังจาก 4.4% ในปัจจุบัน เป็นไม่เกิน 3% ในปี 2572 ซึ่งประกอบด้วย แผนปฏิรูปภาษี แผนลดรายจ่าย แผนใช้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเน้นการลงทุน และแผนเรื่องวินัยการคลัง”
สำหรับกรอบเวลาการปรับเพิ่มภาษี VAT ดร.เอกนิติ มองว่า จะสามารถทยอยขึ้น VAT ได้ในปี 2571 เนื่องจาก ปัจจุบันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่มีความพร้อม และเชื่อว่า ด้วยแผนความยั่งยืนทางการคลัง จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาโตเต็มศักยภาพได้ภายใน 2 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม หากภายในกรอบเวลาดังกล่าว เศรษฐกิจไทยยังไม่พร้อมสำหรับการขึ้น VAT รัฐบาลก็จะหามาตรการอื่นๆ มาทดแทน
“เราคิดว่าในปี 2571 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาโตเต็มศักยภาพได้ ถ้า ณ วันนั้น เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเพียงพอที่จะขึ้น VAT ได้ เราก็ต้องมีมาตรการอื่นชดเชย ไม่ว่าจะขึ้นรายได้ประเภทอื่น หรือลดรายจ่าย” ดร.เอกนิติกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2570-2573) ซึ่งในครั้งนี้ ได้มีการเปิดเผยแนวทางการจัดการด้านการคลังทั้งด้านรายได้และทรัพย์สิน รายจ่าย และหนี้สาธารณะ ‘อย่างเป็นธรรมให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม’
โดยในแผนการคลังระยะปานกลางฉบับล่าสุดนี้ มีข้อความระบุว่า รัฐบาลจะ “ดำเนินมาตรการเทียบเท่ากับการทยอยยกเลิกการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 1.5% (เป็นจัดเก็บที่อัตรา 8.5%) และอีก 1.5% (เป็นจัดเก็บที่อัตรา 10.0%) ในปีงบประมาณ 2571 และ 2573 ตามลำดับ ทั้งนี้ ในกรณีการทยอยยกเลิกการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐบาลจะต้องเสนอมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชนและระบบเศรษฐกิจไปในคราวเดียวกัน”
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีอัตรา VAT ที่แท้จริงอยู่ที่ 10% แต่เมื่อปี 2540 ได้มีการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ก.) ลดอัตราภาษี VAT ซึ่งจะพิจารณาต่อในทุกๆ ปี ให้เหลือที่ 7% เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในช่วงที่ประเทศเจอวิกฤตเศรษฐกิจการเงิน หรือวิกฤตต้มยำกุ้ง หลังจากนั้นตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเราจึงเห็น 7% มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน แทนที่จะเป็น 10% อย่างที่ควรจะเป็น
ลด ‘รายจ่ายซ้ำซ้อน’ ในหน่วยงานราชการ
ไม่เพียงเท่านั้น ดร.เอกนิติยังกล่าวอีกว่า ในแผนการคลังระยะปานกลางฉบับล่าสุดนี้ จะมีแผนลดรายจ่ายซ้ำซ้อนในระบบราชการด้วย โดยจะให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับรายจ่ายที่ซ้ำซ้อนในหลายส่วน ยกตัวอย่างเช่น การให้สวัสดิการ ซึ่งจะแก้ไขด้วยการรวมศูนย์ข้อมูลไว้ในที่เดียวกัน และเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อลดความซ้ำซ้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดรายจ่าย
สำหรับแผนใช้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเน้นการลงทุน ดร.เอกนิติกล่าวว่า จะเน้นให้เกิดการใช้ช่องทางลงทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่งบประมาณ เช่น ผ่านโครงการ PPP Fast Track และ Infrastructure Fund


