วันนี้ (18 พฤศจิกายน) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส. เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงยุทธศาสตร์ระยะสั้นที่จะทำให้คะแนนของพรรคเพื่อไทยกลับมา หลังพบว่าผลโพลคะแนนของพรรคเพื่อไทยตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ว่า ตรงนี้เป็นภารกิจและหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ซึ่งกระบวนการเข้าสู่การเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้พรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะวิกฤต แต่สำหรับพวกตนที่ได้พบกับประชาชนรู้ว่าความนิยมของพรรคเพื่อไทยยังอยู่ในระดับสูง แต่แน่นอนว่ามีปัญหาเรื่องความไม่แน่ใจของประชาชนบางกลุ่ม จึงเป็นหน้าที่ของพรรคที่จะต้องปรับแต่งตัวเองให้ดูดีขึ้นและเหมาะสมเพื่อตอบโจทย์กับประชาชนมากขึ้น
ส่วนจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้อย่างไร เพราะขณะนี้ สส. ภายในพรรคเพื่อไทยเองก็ไหลออก จุลพันธ์กล่าวว่า การไหลเข้าไหลออกในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด คนที่เข้ามามีมากกว่า เพราะยังมีการสัมภาษณ์ผู้สมัครอย่างต่อเนื่อง และสัปดาห์นี้ก็จะมีการเปิดตัวผู้สมัคร เป็นรอบที่ 5 ในจังหวัดที่ใหญ่และเป็นผู้สมัครที่เข้ามาก็เป็นที่รู้จัก ปัจจุบันถือเป็นฤดูกาลของการเลือกตั้ง ซึ่งก็มองว่าเป็นการปกติ แต่เชื่อว่าคนที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยและมีอุดมการณ์ยึดมั่นนั้นมีจำนวนมาก
ส่วนที่ สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส. อุบลราชธานี ปรากฏภาพถ่ายร่วมโต๊ะอาหารกับ เนวิน ชิดชอบ ที่พรรคภูมิใจไทยนั้น จุลพันธ์ระบุว่า เรามีการพูดคุยกันหลายครั้ง ซึ่งสุดารัตน์ยังยืนยันว่าจิตใจยังอยู่ที่นี่ และมีความรักกับพรรคและอยากที่จะอยู่ แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเราก็ได้สอบถาม แต่เมื่อเรารอแล้ว ยังไม่มีความชัดเจน พรรคก็ต้องพิจารณาดูว่ามีผู้สมัครคนอื่นที่มีความเหมาะสมกว่าหรือไม่ เพราะเราจะรอบุคคลไม่ได้ ต้องการความชัดเจนในการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง ในส่วนของสุดารัตน์ก็ไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่การที่จะเปลี่ยนใจหรือจะดำเนินการทางการเมืองในแบบไหน ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ เราไม่ว่ากัน
แต่ตัวพรรคต้องเดินหน้า ซึ่งทางคณะกรรมการโซนที่กำหนดตัวผู้สมัครก็ได้พิจารณาแล้ว ก็ต้องดูว่าจะมีผู้สมัครคนใหม่มาแทนหรือไม่ และย้ำว่าเราคงรอตลอดไม่ได้ เราจะรอจนถึงวันรับสมัครเลือกตั้งไม่ได้ แล้วจะรอดูว่าใครยังอยู่หรือไป
เมื่อถามว่า นอกจากกรณีของสุดารัตน์แล้วยังมีกรณีของ ชูศักดิ์ แม้นทิม สส. กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ปรากฏในภาพดังกล่าว และนอกจากนี้ยังมี สส. ของพรรคเพื่อไทยอีกหลายคนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่ปรากฏอยู่ในภาพนั้น พรรคเพื่อไทยมีข้อมูลแล้วหรือไม่ว่ามีใครบ้างที่เตรียมจะย้ายพรรค จุลพันธ์กล่าวว่า ก็ต้องมาดูกันเป็นกรณี คงจะฟังจากข่าวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ และต้องมีการพูดคุย และต้องใช้เกณฑ์เดียวกับผู้สมัครทุกคนที่ต้องมีความชัดเจน มีความประสงค์ มีอุดมการณ์ มีความตั้งใจกับพรรค พร้อมที่จะเดินหน้าแข่งขันทางการเมือง วันนี้ไหลเข้ามาจำนวนมาก เราก็ต้องไปดูผู้สมัครที่มีอุดมการณ์และมีแนวคิดที่ตรงกับเรา เป็นเรื่องหลักเพื่อที่จะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง
จุลพันธ์กล่าวอีกว่า คำถามนี้สื่อไม่ควรมาถามกับตน แต่ควรไปถามที่พรรคภูมิใจไทยว่ากระบวนการที่ทำเป็นกระบวนการที่ปกติหรือไม่ เป็นการสนับสนุนการเจริญเติบโตและความแข็งแกร่งของระบบประชาธิปไตยหรือไม่ การที่ สส. ซึ่งยังมีต้นสังกัดอยู่กับใช้กระบวนการนอกเหนือจากกระบวนการปกติ เพื่อที่จะดึงดูดใจนั้น ตนมองว่า ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
ส่วนหากเป็นความประสงค์ของ สส. ที่ต้องการจะย้ายพรรคเอง จุลพันธ์กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ก็เป็นสิ่งที่เขาจะต้องชี้แจง ขอให้ไปถามกับตัว สส. เอง
ส่วนต้องพิจารณาหรือไม่ว่า สส. ที่จะย้ายพรรคมีเหตุผลใด หรือเป็นเพราะในพื้นที่ไม่สามารถไปต่อได้ จุลพันธ์กล่าวว่า สิ่งที่พรรคกำลังทำขณะนี้ในการยกเครื่อง เราจะทำพรรคให้ดีที่สุด ปรับเปลี่ยนเรื่องการรีแบรนด์ ปรับโครงสร้าง และมีนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน การที่เราจะมีผู้สมัคร สส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ตรงใจกับประชาชน เราต้องดำเนินการทุกอย่าง รวมถึงการทำงานในสภา และการทำงานเชิงวิชาการ การทำงานเพื่อสังคม ซึ่งเราต้องสร้างให้เกิดความเข้มแข็ง และแน่นอนว่าต้องใช้เวลา
ส่วนพื้นที่ที่มี สส. ที่แข็งแรงแล้วกำลังย้ายพรรคนั้น จะรักษาความนิยมระหว่างตัวบุคคลกับคะแนนพรรคได้อย่างไร จุลพันธ์กล่าวว่า ปัจจัยเหล่านี้มองได้ทุกมุม อย่าคิดเพียงมิติเดียว เพราะบุคลากรที่แข็งในพื้นที่ก็มีจำนวนจำกัด เราก็ต้องหาบุคลากรที่อยู่ในพื้นที่และเกาะติดอยู่กับประชาชน เคยทำประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชน มาเป็นผู้สมัคร จุลพันธ์กล่าว
“การเข้าหรือออกไป ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาคะแนนพรรคไปได้ เพราะฉะนั้น คะแนนของแฟนประจำของพรรคเพื่อไทยก็ยังอยู่ และคะแนนบุคคลเราก็ต้องหาคนที่มีคะแนนส่วนตัว เข้ามาบวกเพิ่ม หากเราคัดสรรตัวผู้สมัครที่ดี ก็เชื่อมั่นว่าเราจะรักษาและครองพื้นที่ตรงนั้นไว้ได้”
โยน คกก. ยุทธศาสตร์เพื่อไทยพิจารณาเคาะไทม์ไลน์ซักฟอก
จุลพันธ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังไม่มีข้อสรุปอยู่ระหว่างการพูดคุย โดยเรื่องนี้มอบหมายให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค เพื่อพิจารณาประเด็นที่จะอภิปรายว่ามีความสุกงอมแล้วหรือไม่ ทั้งเรื่องเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และการปัดเป่าคดีความต่างๆ รวมถึงการทุจริตคอร์รัปชัน ว่าทั้งหมดมีข้อมูลอยู่ในมือเพียงพอแล้วหรือไม่ และหากจะยื่นจะเป็นช่วงวันเวลาใด เพื่อหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศ จากรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยกับผู้นำฝ่ายค้านแล้ว ก็มีการร้องขอบางประการ พรรคเพื่อไทยก็รับมาพิจารณาหารือกันภายใน และสุดท้ายคงต้องมีคำตอบให้กับพรรคประชาชน ขอยังไม่ลงรายละเอียด แต่มีความตั้งใจที่จะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล โดยต้องดูทีท่าและสถานการณ์อื่นประกอบ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ส่วนจำเป็นต้องรอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ในปีนี้ถึงจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า ขอให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคมีข้อสรุปก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้


