วันนี้ (9 พฤศจิกายน) พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงพื้นที่ปราสาทตาควาย โดยระบุว่า สืบเนื่องมาจากการลงนามประกาศความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา ณ ประเทศมาเลเซียที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการปฏิบัติตาม 4 ข้อตกลงในเฟสที่ 1
ส่วนคลิปที่ปรากฏว่ามีการขัดขวางทหารไทยนั้น พล.ท. อดุลย์ มองว่า เป็นเรื่องปกติของกำลังทหารที่ใกล้กัน และทุกฝ่ายต่างหวงแหนดินแดน พร้อมยืนยันว่า ตั้งแต่รับราชการปี 2553 มานั้น อธิปไตยของไทยอยู่ในอัตราส่วนแผนที่ 1:50,000 สำหรับปราสาทตาควาย เป็นผลจากการตกลงให้คำประกาศความสัมพันธ์ฯ เมื่อสงครามยุติ ใครครอบครองตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทตาเมือน และพื้นที่อื่นๆ เราก็สามารถครอบครองไว้ได้หมด
ส่วนกระแสข่าวการปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชาในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ พล.ท. อดุลย์ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า จะมีการประเมินจากคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) และ 2 รัฐบาล หากปฏิบัติตามกรอบที่วางไว้ ก็ไม่เหตุผลที่ต้องคุมตัวไว้ อีกทั้งข้อมูลที่ได้มีการหารือก็อยู่ในระดับรัฐบาล ไม่ใช่ระดับกองทัพ
ขณะที่กระแสข่าวที่ว่า เชลยศึกต้องการให้เข้ารับบริการทันตกรรมก่อนส่งตัวกลับนั้น พล.ท. อดุลย์ระบุว่า มีมากกว่านั้นอีก ขอเรียนตามตรงว่า บางรายก็ไม่อยากกลับ เพราะอยู่ในประเทศไทยแล้วมีความสุข พร้อมเปิดเผยว่า ก่อนการส่งตัวกลับอาจจะให้สัมภาษณ์ จึงอยากขอให้สื่อได้ถามว่าอยู่ในประเทศไทยแล้ว กลุ่มเชลยดังกล่าวสบายอย่างไร การปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติหรือไม่
ส่วนจะมีการปล่อยตัวที่จังหวัดจันทบุรีหรือไม่ พล.ท. อดุลย์ระบุว่ายังไม่ได้ได้รับรายงาน แต่ยืนยันว่าเป็นจุดผ่านแดนถาวรชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนการปล่อยตัวจะยืดเวลาออกไป หากกัมพูชาไม่ปฏิบัติตาม 4 ข้อตกลงหรือไม่นั้น พล.ท. อดุลย์กล่าวว่า ต้องคุยกัน แต่ขณะนี้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงตามปกติ และขออย่าให้สนใจกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สหรัฐอเมริกากดดันไทยให้ปล่อยตัวเชลยศึก ขอยืนว่าทั้งสหรัฐฯ และมาเลเซียไม่ได้กดดัน


