ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากเรื่องราวของเหล่านักสู้ลูกหนังตัวน้อยๆ จากทีม ‘หมอนทองวิทยา’ ที่ปลุกความฝันและเปลวไฟในหัวใจของใครมากมายแล้ว
อีกหนึ่งเกมกีฬาที่ได้รับการจับตามองอย่างมากอย่างน่าอัศจรรย์คือการแข่งขันเบสบอล เวิลด์ ซีรีส์ รายการที่มีศักดิ์และสิทธิ์เท่ากับตำแหน่ง ‘แชมป์โลก’ ของเบสบอล
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันระหว่าง บลูเจย์ส์ กับแอลเอ ดอดเจอร์ส เป็นไปอย่างดุเดือด พลิกผันไปมาจนถึงเกมสุดท้าย
อีกส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าคนจำนวนไม่น้อยอยากจับตาดู โชเฮ โอตานิ นักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ผู้เป็น ‘ดาวฤกษ์’ ของวงการกีฬาในระดับโลก ที่ตอนนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจของใครต่อใครอีกมากมายที่อยากต่อให้ไม่สามารถจะเป็นนักกีฬาที่ ‘ร้อยปีจะมีสักคน’ อย่างเขา อย่างน้อยขอให้ได้ซึมซับนำแง่คิด การปฏิบัติตัวไปใช้ให้ชีวิตในทุกวันดีขึ้นก็ยังดี
ว่าแต่ ‘Sho-Time’ เขาเคยมีใครเป็นดาวเหนือนำทางในใจกัน?
ขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘โกโร’ สุดยอดนักเบสบอลถนัดซ้ายชาวญี่ปุ่นแห่งทีมอนาร์ไฮม์ ผู้ที่ขว้างบอลได้เร็วถึง 102 ไมล์/ชั่วโมง และเป็นจอมหวดโฮมรันระดับพระกาฬ หรือพูดง่ายๆคือเป็นนักเบสบอลแบบ ‘2-Way’ ที่เป็นได้ทั้งพิตเชอร์และแบตเตอร์ในคนเดียวกันเหมือนที่โอตานิเป็นได้จริงๆในเวลาต่อมา
เพียงแต่โกโรไม่ได้เป็นนักเบสบอลในโลกเดียวกับพวกเรา
เพราะเขาคือพระเอกของมังงะเบสบอลเรื่องดัง ‘Major’ (メジャー)

สำหรับผู้เขียนแม้จะเป็นนักอ่านมังงะ (หรือการ์ตูนสำหรับคนไทย) ตัวยงประมาณหนึ่ง อีกทั้งอ่านมังงะกีฬามาหลากหลายประเภทโดยเฉพาะฟุตบอล แต่ถ้าถามถึงมังงะที่เกี่ยวกับกีฬาเบสบอลแล้ว ในความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง ‘Touch’ (タッチ) ผลงานสุดคลาสสิกของอ.มิตสุรุ อาดาจิ
เพียงแต่อาจเป็นเพราะ Touch เป็นมังงะที่ค่อนข้างมีเนื้อหาโตกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะเข้าใจได้ทั้งหมด ทำให้ไม่ได้ถึงกับอินในเรื่องราว ‘เราสองสามคน’ ระหว่างทัตสึยะ คาซึยะ และมินามิ มากนัก
เพราะ Touch ออกแนวการเติบโตของวัยรุ่น (Coming of age) และมีความโรแมนติกคอเมดี มากกว่าที่จะเป็นเนื้อหาแบบกีฬาเพียวๆเหมือนมังงะกีฬาเรื่องอื่นๆที่อินตามง่ายกว่า เช่น กัปตันซึบาสะ, Shoot, Viva Calcio ไปจนถึงการแข่งสุดขี้โม้อย่าง Eye Shield 21 และ The Prince of Tennis
ผลงานแนวเบสบอลเรื่องอื่นๆของอ.อาดาจิ เองก็ไม่เข้าหัวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Rough หรือ H2 (ไม่นับ Nine ที่ไม่เคยผ่านตา)
อย่างไรก็ดีสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วเบสบอลเป็นกีฬาประจำชาติของพวกเขาที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องยาวนานในฐานะเกมกีฬาแรกๆที่เปิดรับจากการหลั่งไหลของวัฒนธรรมตะวันตกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ทำให้มีมังงะเบสบอลดีๆอีกหลายเรื่อง
หนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง Major ผลงานของอ.ทาคุยะ มิตสุดะ ที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Weekly Shōnen Sunday ตั้งแต่ปี 1994
มังงะเรื่องนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจชั่วชีวิตของสุดยอดนักเบสบอลผู้ยิ่งใหญ่ โด่งดัง และมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างโชเฮ โอตานิ

Major เป็นมังงะเบสบอลที่ว่าด้วยเรื่องราวของ โกโร ฮอนดะ ตัวละครเอกที่เป็นลูกชายของ ชิเงฮารุ ฮอนดะ นักเบสบอลอาชีพผู้โด่งดังในการแข่งขันเบสบอลระดับโปรของญี่ปุ่น (Nippon Professional Baseball หรือ NPB)
ด้วยความที่เป็นลูกชายของพ่อ และเติบโตมาโดยมีพ่อเลี้ยงดูเพราะคุณแม่ จิอากิ ฮอนดะ เสียชีวิตไปก่อน 2 ปีก่อนที่เรื่องราวในมังงะจะเริ่ม โกโรจึงเทิดทูนพ่อผู้เป็นนักกีฬาที่เก่งกาจสุดหัวใจและตั้งเป้าหมายในชีวิตที่จะเดินตามรอยเท้าของชิเงฮารุให้ได้
โดยที่โกโรได้พบกับโทชิยะ ซาโต เพื่อนรักในวัยเด็กที่เขาสอนให้เล่นเบสบอลและกลายเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่นั้น
หลังจากนั้นชิเงฮารุกลับต้องถอนตัวจากการเป็นพิชเชอร์เนื่องจากได้รับบาดเจ็บร้ายแรง แต่เพื่อดูแลโกโร ทำให้เขากลับมารับบทเป็นสลักเกอร์ (ผู้รับบอลจากพิตเชอร์) จนถึงการฝืนกลับมาลงเล่นให้ทีมโยโกฮามา มารีน สตาร์ส
ก่อนที่จะสร้างช็อตระดับตำนานด้วยการตีโฮมรันใส่ โจ กิ๊บสัน นักเบสบอลสัญชาติอเมริกันไว้ลายเสือเฒ่าได้อย่างยิ่งใหญ่
แต่ในขณะที่ทุกอย่างกำลังสวยงามก็เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อชิเงฮารุ ถูกลูกบอลที่ขว้างโดยกิ๊บสันเข้าที่ศีรษะ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดออกในสมองก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ที่เหลือคือเรื่องราวการเติบโตของโกโร ผู้ปวารณาตัวเองที่จะเดินตามรอยเท้าของพ่อให้ได้ ซึ่งต้องผ่านเรื่องราว บทพิสูจน์ และปัญหามากมายในชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องของการแข่งขันในฐานะนักเบสบอลคนหนึ่ง แต่รวมถึงปัญหาชีวิตต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามา
เรื่องราวต่างๆเหล่านี้ทำให้แฟนๆติดตามมังงะเรื่องนี้ยาวนานตั้งแต่ปี 1994 ก่อนจะจบลงในปี 2010 อย่างประทับใจ และนำไปสู่ ‘Major 2nd’ ภาคต่อของมังงะเรื่องนี้ที่ยังตีพิมพ์จนถึงปัจจุบัน

ความบังเอิญคือโอตานิก็เกิดในปีเดียวกับมังงะ Major พอดี (1994) นั่นทำให้เขาเติบโตมากับโกโร ฮอนดะ (หรือโกโร ชิเงโนะ ในเวลาต่อมา)
โดยที่มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างในการเล่นเบสบอล เช่น โกโร เป็นนักเบสบอลแบบ 2-Way ที่เป็นได้ทั้งคนขว้างและคนตีซึ่งความจริงแล้วเป็นนักกีฬาในแบบที่หาได้ยากยิ่งในโลกของกีฬาเบสบอล
ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจว่าบางทีการที่โอตานิ เป็นทั้งจอมขว้างและจอมตีโฮมรันสุดมหัศจรรย์นั้นก็อาจจะมาจากแรงบันดาลใจจากโกโรด้วยส่วนหนึ่ง
แต่ที่แน่นอนคือความรัก ความหลงใหลในการเล่นเบสบอลของโชเฮมาจากตัวละครโปรดของเขา
“ความรักความหลงใหลของโกโรทำให้ผมรักเบสบอลมากยิ่งกว่าเดิม” โอตานิกล่าวในโฆษณาหนังสือพิมพ์ถึงมังงะภาคต่อ ‘Major 2nd’ เมื่อปี 2015 ถึงสิ่งที่เขาได้จากการติดตามมังงะ Major มาตลอดตั้งแต่เด็ก
ที่สุดแล้วโอตานิ ไม่ใช่แค่ทำได้ในแบบเดียวกับที่โกโรทำทั้งการเป็นนักเบสบอลแบบ 2-Way ที่เหมือนซามูไรที่ใช้วิชาดาบคู่ ‘นิโตริว’ หรือการได้มาถึงระดับเมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB) ซึ่งเป็นการแข่งขันในระดับสูงที่สุดของโลกที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น
แต่โอตานิยังไปได้ไกลกว่าโกโร ด้วยการไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นนักเบสบอลที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สุดยอดนักกีฬาของยุคสมัย
ในวันนี้เรากำลังคุยกันว่าเขาไม่ต่างอะไรจากตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
ความดีงามที่สุดของเรื่องนี้คือมันเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า ถึงมังงะอาจจะเป็นหนังสือการ์ตูนที่ดูไม่มีสาระในสายตาของผู้ใหญ่บางคน
แต่สำหรับเด็กคนหนึ่ง มันคือโลกทั้งใบของเขา ตัวละครในเรื่องคือเพื่อนของเขา ที่เราจะเติบโตไปด้วยกัน
ความฝันของนาย คือความฝันของฉันเหมือนกัน และเราจะพยายามจนกว่าจะทำความฝันนั้นให้กลายเป็นความจริงให้ได้
เพราะโกโร และ Major เราจึงมีโชเฮ โอตานิในวันนี้
และเพราะโกโร, Major และโอตานิ เราจะมียอดนักกีฬาเบสบอลหน้าใหม่ที่จะเดินตามรอยพวกเขาอีกอย่างแน่นอนในอนาคต


