×

ถึงเวลาพลิกโฉมเกษตรไทยจากแค่อยู่รอด สู่ฮีโร่เซกเตอร์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย หลังภาคแรงงานใหญ่สุดของประเทศสร้าง GDP ไม่ถึง 10%

06.11.2025
  • LOADING...
ถึงเวลาพลิกโฉม เกษตรไทย จากแค่อยู่รอด สู่ ฮีโร่เซกเตอร์ ขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทย หลังภาคแรงงานใหญ่สุดของประเทศสร้าง GDP ไม่ถึง 10%

ภาคเกษตรของไทยถือเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจ โดยมีแรงงานกว่าหนึ่งในสามของประเทศ แต่กลับสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้ไม่ถึง 10% ของทั้งประเทศ ตัวเลขดังกล่าวจุดคำถามสำคัญในวงการเศรษฐกิจว่า ประเทศไทยยังขับเคลื่อนด้วยภาคเกษตรได้จริงหรือไม่

 

ยิ่งก้าวสู่ภูมิทัศน์ใหม่ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และสภาพภูมิอากาศ เป็นตัวแปรให้เกษตรไทยต้องเร่งปรับตัวตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อเปลี่ยนจากสร้างการอยู่รอด สู่การสร้างความมั่งคั่งในอนาคต

 

คำถามนี้เป็นหัวใจสำคัญของเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ภายใต้หัวข้อ ‘From Survival to Prosperity: Thailand’s Agricultural Transformation’ ซึ่งรวมผู้นำภาคเกษตรและผู้ประกอบการจากหลายสาขามาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ เพื่อหาคำตอบให้กับอนาคตของเกษตรไทย

 

เทคโนโลยีคือทางรอด เมื่อดาวเทียม AI และบล็อกเชนเข้ามาช่วยเกษตรกร

 

อุกฤษ อุณหเลขกะ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธารา กรีน อินโนเวชั่น กล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีที่เข้ามายกระดับภาคเกษตร โดยบริษัทได้นำ AI และบล็อกเชน มาช่วยจัดการซัปพลายเชน เพื่อช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุดยังขยายไปถึงการใช้ดาวเทียมติดตามพื้นที่ป่าในประเทศลาวกว่า 1 ล้านไร่ เพื่อบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต

 

อุกฤษ อุณหเลขกะ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธารา กรีน อินโนเวชั่น

อุกฤษ อุณหเลขกะ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธารา กรีน อินโนเวชั่น

 

นอกจากนี้ ยังรับดูแลพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่ในไทย หลังจากภาครัฐเริ่มจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราสูง ทำให้เจ้าของที่ดินหลายรายมอบหมายให้บริษัทช่วยบริหารพื้นที่เพาะปลูก ทั้งทุเรียน อ้อย และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ รวมแล้วหลายหมื่นไร่ ซึ่งการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเปิดโอกาสให้บริษัทได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมแนวทางเกษตรยั่งยืนและช่วยเกษตรกรลดการปล่อยคาร์บอน

 

พร้อมกล่าวต่อไปว่า จากประสบการณ์ในภาคสนาม ทำให้ได้พบ 5 ความท้าทายหลักของอุตสาหกรรมเกษตรไทย ที่ต้องเร่งแก้ไข ได้แก่

 

1.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยมีพื้นที่ชลประทานเพียง 20% นอกจากนั้นต้องพึ่งน้ำฝน ส่งผลให้ผลผลิตไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงภัยแล้งหรือน้ำท่วม ผลผลิตอาจลดลง 50–80% นำไปสู่หนี้สินและปัญหาสังคมต่อเนื่อง

 

2.ผลกระทบจากสงครามและนโยบายโลก เช่น นโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบราคาสินค้าเกษตรโดยตรง ตัวอย่างเช่น ข้อตกลงลดภาษีข้าวโพดกับไทยในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้ราคาข้าวโพดไทยร่วงทันที

 

3.ปัญหาคุณภาพดินเสื่อมโทรม การปลูกพืชเชิงเดี่ยวและการเผาอ้อยทำให้ดินเสื่อมสภาพ ส่งผลต่อผลผลิตระยะยาว

 

4.โครงสร้างประชากรเกษตรกรสูงวัย อายุเฉลี่ยของเกษตรกรไทยเกือบ 60 ปี หากคนรุ่นใหม่ไม่เข้าสู่อาชีพนี้ โรงงานและอุตสาหกรรมอาจขาดวัตถุดิบในอนาคต

 

5.มาตรการสิ่งแวดล้อมจากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะยุโรปที่เริ่มตรวจสอบที่มาของสินค้าว่าทำลายป่าหรือไม่ ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส หากไทยสามารถผลิตสินค้าเกษตรที่โปร่งใสและยั่งยืนได้

 

มุมมองจากภาคเอกชน เกษตรไทยคือฐานเศรษฐกิจที่ยังไม่ถูกนับมูลค่าเต็ม

 

สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ซึ่งดำเนินธุรกิจยางพาราและพลังงาน ฉายภาพต่อว่า ตัวเลข GDP ภาคเกษตรไทยอยู่ที่ 7–8% นั้น ยังสะท้อนไม่ครบ เพราะนับเฉพาะภาคเกษตรขั้นต้น ยังไม่รวมมูลค่าจากภาคแปรรูปสินค้าเกษตร ซึ่งหากนำมารวมกัน จะดันสัดส่วน GDP ภาคเกษตรสูงถึง 20–30% ของประเทศ เทียบเท่ากับภาคอสังหาริมทรัพย์

 

สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH

สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH

 

อีกทั้ง ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้านทรัพยากรธรรมชาติและพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งหากบริหารจัดการดีจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล ถ้าเทียบกับประเทศที่มีเหมืองเพชรหรือทองไม่ได้หมายความว่าคนอยู่ดีมีสุขกว่าไทย แต่อยู่ที่ว่าไทยสร้างอีโคซิสเต็มที่ทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกันได้มากแค่ไหน

 

พร้อมเน้นว่า หากสินค้าเกษตรเติบโต จะส่งผลต่อ GDP ทั้งระบบ เพราะแรงงานภาคเกษตรยังคิดเป็นกว่า 30% ของประเทศ และยังเกี่ยวโยงกับภาคอื่น เช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และ แฟชั่นยั่งยืน (Sustainable Fashion) ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ

 

เสียงจากภาคอุตสาหกรรม เข้าใจโครงสร้าง Producer–Processor

 

ภูมิรัฐ หวังปรีดาเลิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายไร่และวิศวกรบริหารกลุ่ม บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS อธิบายว่า ห่วงโซ่อุตสาหกรรมเกษตรประกอบด้วยสองกลุ่มหลักคือ

1. Producer (ผู้ผลิต) ได้แก่ เกษตรกรที่ปลูกพืชและส่งต่อผลผลิต
2. Processor (ผู้ประกอบการ) ที่รับผลผลิตไปแปรรูป

 

ภูมิรัฐ หวังปรีดาเลิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายไร่และวิศวกรบริหารกลุ่ม บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ภูมิรัฐ หวังปรีดาเลิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายไร่และวิศวกรบริหารกลุ่ม บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

โดยในระบบนี้ เกษตรกรรายย่อยต้องเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งการกระจุกตัวของพื้นที่เพาะปลูก, คุณภาพพันธุ์พืช, และ โรคระบาดทางการเกษตร รวมถึงต้นทุนทางการเงินสูงและเข้าถึงทุนยาก ขณะที่ภาค Processor มีข้อได้เปรียบเรื่องแหล่งทุนและอำนาจต่อรองที่สูงกว่า

 

จะผลักดันเกษตรไทยให้เป็น ‘ฮีโร่เซกเตอร์’ ต้องทำอย่างไร

 

ผู้ร่วมเสวนาต่างเห็นตรงกันว่า ภาคเกษตรจะกลายเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน

 

ถึงเวลาพลิกโฉม เกษตรไทย จากแค่อยู่รอด สู่ ฮีโร่เซกเตอร์ ขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทย หลังภาคแรงงานใหญ่สุดของประเทศสร้าง GDP ไม่ถึง 10% 4

 

สินีนุชจาก TEGH เสนอว่า ไทยต้องเรียนรู้จากประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น จีน ที่ลงทุนอย่างจริงจังในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และไทยต้องมุ่งสู่การลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างซัพพลายเชนที่ครบวงจร โดยต้องดำเนินกลยุทธ์ 3 ด้านพร้อมกันคือ Smart, Strategy และ Sustain

 

ขณะที่อุกฤษ มองว่า AI ด้านเกษตร จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เช่น การใช้ข้อมูลพยากรณ์อากาศแม่นยำเพื่อวางแผนการผลิต จะช่วยลดความสูญเสียและต้นทุน ขณะเดียวกัน การมี Data-driven Supply Chain จะทำให้ไทยแข็งแกร่งขึ้นในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก

 

ตามด้วย ภูมิรัฐ จาก KTIS ทิ้งท้ายว่า การพัฒนาเกษตรไทยให้ก้าวสู่ความมั่งคั่ง ต้องเกิดจากความร่วมมือของ 3 กลุ่มหลัก คือ ผู้ผลิต (เกษตรกร) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก ตามด้วย ผู้ประกอบการ (Processor) ที่แปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม และผู้บริโภค ที่เลือกบริโภคสินค้ายั่งยืนและมีคุณภาพ

 

“วันนี้ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มสนใจต้นทางของสินค้ามากขึ้น และพร้อมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าพรีเมียมและยั่งยืน ภูมิรัฐกล่าว พร้อมย้ำว่ารัฐบาลต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างกติกากลาง และสนับสนุนการลงทุนใหม่ๆ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรของไทยในระยะยาว”

 

ท้ายที่สุดเกษตรไทยกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ระหว่าง ความท้าทายมหาศาล กับ โอกาสในการยกระดับประเทศ หากสามารถบูรณาการเทคโนโลยี ความร่วมมือ และนโยบายที่เอื้อต่อการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ภาคเกษตรจะไม่ใช่เพียงหลังบ้านของเศรษฐกิจไทยอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นฮีโร่เซกเตอร์ ที่ขับเคลื่อนความมั่งคั่งของชาติในอนาคต

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising