วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ วันที่ 8-10 ธันวาคม เพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่แน่นอน เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว หากเป็นไปได้และทุกฝ่ายอยากจะเห็นการลงมติในวาระที่ 3 ก่อนช่วงปีใหม่ ก็จำเป็นต้องเปิดการประชุมสมัยวิสามัญ ซึ่งสามารถเปิดก่อนสมัยประชุมสามัญทั่วไป 1-2 วันได้ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า หลังจากลงมติในวาระที่ 2 แล้ว ก่อนจะลงมติในวาระที่ 3 ต้องรอ 15 วัน
หากรอเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไปในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันศุกร์ตามปกติประธานสภาผู้แทนราษฎรจะไม่รับ แต่หากเปิดในวันที่ 16 ธันวาคม เมื่อนับไป 15 วัน จะตรงกับวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันหยุด ทำให้ไม่สามารถพิจารณาแล้วเสร็จก่อนช่วงปีใหม่ได้ ดังนั้น หากทุกฝ่ายเห็นควรให้การลงมติวาระ 3 แล้วเสร็จก่อนปีใหม่ ก็จำเป็นต้องเปิดสมัยประชุมวิสามัญ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นผู้เสนอให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญใช่หรือไม่ ภราดร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องแจ้งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในคณะกรรมาธิการมีการพูดคุยกันหรือไม่ เนื่องจากเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีพูดถึงการยุบสภา อาจทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ ภราดร กล่าวว่า หากทุกอย่างถูกล้มเลิก สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็ต้องล้มไปด้วย จึงต้องภาวนาไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องขอให้ใครดำเนินการ ภราดร กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการตระหนักว่าหมุดหมายคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ภายในเวลาอีก 1-2 เดือน เพื่อเดินหน้าสู่การทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น อุปสรรคใดที่จะทำให้รัฐธรรมนูญไม่เดินไปสู่เป้าหมายก็ต้องช่วยกันพิจารณา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา จะมากล่าวหาว่าละเมิด MOU ไม่ได้ใช่หรือไม่ หากมีผู้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภราดร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่มีใครยื่นซักฟอก เพราะเท่าที่คุยกันในคณะกรรมาธิการรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าอยากเดินหน้าไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทุกฝ่ายก็รู้ว่าบทสรุปของการอภิปรายไม่ไว้วางใจคืออะไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภราดร กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันเป็นรายบุคคล ไม่ใช่ในนามพรรค ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าหมุดหมายสำคัญคือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการขู่ของพรรคฝ่ายค้านใช่หรือไม่ ภราดร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ อาจเป็นความเห็นส่วนบุคคล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อำนาจการยุบสภาของนายกรัฐมนตรีจะสิ้นสุดเมื่อใด หลังการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภราดร กล่าวว่า อำนาจการยุบสภาจะสิ้นสุดลงหลังประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุระเบียบวาระ พร้อมกล่าวต่อว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นประธานจะตรวจสอบญัตติอย่างถี่ถ้วน ทั้งข้อความและรายชื่อ อย่างเช่นครั้งที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับและกฎระเบียบ
