วันนี้ (6 พฤศจิกายน) วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า การเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ มี 2 เงื่อนไข คือ รัฐบาลต้องประสานมายังรัฐสภา และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต้องพิจารณาให้จบในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ
อย่างไรก็ตาม ประธานรัฐสภาเกรงว่า คณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาไม่เสร็จทันกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ตามที่คาดการณ์ น่าจะเป็นช่วงปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนธันวาคม
ประธานรัฐสภายังกล่าวอีกว่า หากเปิดการประชุมในช่วงนี้ อาจจะมีปัญหาในเรื่ององค์ประชุม เพราะกรรมาธิการที่เป็น สส. บางส่วนเดินทางไปราชการต่างประเทศ ขณะเดียวกัน เมื่อการพิจารณาวาระที่ 2 เสร็จสิ้น จำเป็นต้องรอ 15 วัน เพื่อลงมติวาระที่ 3 แต่ทั้งนี้ กระบวนการในวาระที่ 2 ควรเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ และเมื่อมีการเปิดสมัยประชุม ก็จะทันลงมติในวาระที่ 3 พร้อมคาดว่า กระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นก่อนปีใหม่
วันมูหะมัดนอร์กล่าวด้วยว่า อย่างน้อยที่สุด อยากให้สภาฯ ชุดนี้ ผ่านการพิจารณารัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 เพื่อไปทำประชามติในการเลือกตั้ง สส. แต่ประการสำคัญที่สุด รัฐธรรมนูญจะผ่านการพิจารณาจากสภาได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการฯ จะต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งในรอบและนอกรอบ
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า หากมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้ อาจตัดสินใจยุบสภา ประธานรัฐสภาให้ความเห็นว่า อำนาจการยุบสภาเป็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถทำได้ตลอดเวลา ยกเว้นกรณีที่มีบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าสู่วาระการประชุมแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันมูหะมัดนอร์ชี้ว่า กระบวนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ญัตติอาจไม่สมบูรณ์ก็ได้ เช่น มี สส. ลงชื่อไม่ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ฉะนั้นแม้ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ยังยุบสภาได้ จนกว่าจะมีการบรรจุญัตติในวาระการประชุมสภาฯ แต่โดยส่วนตัวมองว่า หากไม่มีประเด็นปัญหาที่จะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายก็จะไม่มีน้ำหนักเพียงพอ


