จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษทางแพ่งกับบุคคล 5 ราย มูลค่ารวม 16.39 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือ ‘ต๊อบ’ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เนื่องจากใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น (Insider Trading)
ล่าสุด อิทธิพัทธ์ได้ชี้แจงผ่านจดหมายเปิดผนึก โดยมีใจความสำคัญว่า “ผม นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ (ต๊อบ) ขอเรียนชี้แจงถึงข้อเท็จจริงว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอข้อมูลบางส่วนจากสื่อและช่องทางต่างๆ ซึ่งมีข้อมูลบางส่วนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงและแสดงความรับผิดชอบด้วยความจริงใจ ก่อนอื่น ผมต้องขออภัยอย่างสูงต่อทุกท่านในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ได้ทำธุรกรรมทางการเงินส่วนตัวกับบุคคลใกล้ชิด โดยไม่ทราบมาก่อนว่าต่อมาบุคคลใกล้ชิด ได้มีการนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และเกิดผลตอบแทนขึ้นในจำนวนประมาณ 5.8 ล้านบาท”
อิทธิพัทธ์ยืนยันว่า “ไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ จากเงินจำนวนดังกล่าว และไม่มีการใช้ข้อมูลภายในของบริษัทเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากธุรกรรมนี้ ซึ่งเป็นการกระทำในฐานะส่วนบุคคล โดยไม่มีเจตนาเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทแต่อย่างใด”
ทั้งนี้ กรณีที่ปรากฏในข่าวว่า เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2565 นั้น ผมขอเรียนว่าช่วงเวลาการซื้อขายที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม – กันยายน 2565 ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ผู้บริหารสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติ และในขณะนั้น งบการเงินไตรมาส 3/2565 ยังไม่แล้วเสร็จ ผมจึงไม่อาจทราบผลประกอบการที่แน่ชัดได้
อิทธิพัทธ์กล่าวต่อว่า รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจต่อทุกท่าน ที่เหตุการณ์นี้อาจสร้างความไม่สบายใจ หรือกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวผมและบริษัท
“ผมเคารพการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และยินยอมรับบทลงโทษตามที่กำหนดไว้โดยไม่หลีกเลี่ยง รวมทั้งได้แสดงความรับผิดชอบ โดยลาออกจากตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารทุกตำแหน่งของบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป”
ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า TKN ยังคงมีทีมงานที่เข้มแข็ง มีระบบการบริหารจัดการที่รอบคอบ และมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนให้บริษัทเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง และยั่งยืน ในทิศทางเดิมที่เราได้วางไว้
พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมขอกราบขอโทษผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านอีกครั้ง ผมขอน้อมรับเหตุการณ์นี้ไว้เป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต และขอขอบคุณทุกความเข้าใจ และกำลังใจที่มอบให้เสมอมา”
