วันนี้ (28 ตุลาคม) เวลา 07.20 น. ที่ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวก่อนเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ถึงความคาดหวังที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการประชุมครั้งนี้ว่า เราจะได้เจอผู้นำหลายประเทศอาทิ จีน แคนาดา เกาหลี บรูไน และคาดว่ารวมถึงญี่ปุ่นด้วย และคาดว่าจะได้เจอ เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถูกจัดจากลำดับที่ตัวอักษรในการนั่งระหว่างที่ T (Thailand) และ U หรือ (United States) น่าจะนั่งติดกัน ล้วนและเป็นโอกาสที่จะได้หารือโดยเฉพาะการค้าขาย และแสวงหาความร่วมมือสนับสนุนซึ่ง กันและกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสเจอผู้นำจีนเพื่อพูดคุยเรื่องแรร์เอิร์ธ หลังมีความกังวลว่าประเทศไทยจะต้องถ่วงดุลทั้งประเทศจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา อนุทินกล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศมาเลเซียที่ผ่านมาได้เจอนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน ซึ่งก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรแต่คราวนี้จะเจอกับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้ เช่น ที่จะต้องเสนอให้เขาเร่งพิจารณาซื้อข้าวจากประเทศไทย จำนวน 5 แสนตัน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าว่าจะมีการเจอผู้นำประเทศเกาหลีใต้เพื่อหารือกรณีไทยเป็นเจ้าภาพหลักปราบปรามสแกมเมอร์ด้วยหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า เราได้ประกาศในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมาแล้วว่า ไทยเราจะจัดประชุมระดับนานาชาติเพื่อร่วมกันป้องกันสแกมเมอร์ ซึ่งมันคุกคามไปทั่วโลกแล้ว
อย่างวันนี้ทูตอินเดียประจำประเทศไทยก็จะหารือกับ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเราก็ไปช่วยชาวอินเดียจากฝั่งแม่สอดเข้ามาเกือบ 500 คน หลังจากประเทศอินเดียขอความร่วมมือประเทศไทยมา ซึ่งเขาไม่อยากเป็นภาระกับเราก็ขอให้ประเทศไทยเร่งตรวจสอบคดีต่างๆ และเขาจะส่งเครื่องบินมารับคนของเขากลับภูมิลำเนาถือเป็นความร่วมมือกันที่ทำให้การปราบปรามการกระทำเหล่านี้ได้ยกระดับขึ้นไป
ขณะเดียวกันที่ประเทศกัมพูชาก็จะมีการรื้อฟื้นสิ่งที่เราเคย ร่วมมือกันมาก่อนแต่พอมีปัญหาก็เลิกกันไป ซึ่งตอนนี้ก็ปรากฏอยู่ในข้อ 3 ของบันทึกข้อตกลง ปฏิญญา ไทยกัมพูชาที่ประเทศ ที่ลงนามประเทศมาเลเซีย
จากนั้น เวลา 08.00 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้หัวข้อหลัก ‘Building a Sustainable Tomorrow’ หรือ “เสริมสร้างวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน’ ซึ่งมุ่งเชื่อมโยงภูมิภาคด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกัน
ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้เวทีเอเปค เพื่อแสดงบทบาทของรัฐบาลใหม่ในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นถึงศักยภาพเศรษฐกิจไทยต่อประชาคมโลก พร้อมย้ำการสนับสนุนระบบพหุภาคีนิยม ที่มีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นศูนย์กลาง ควบคู่กับการผลักดันสาขาความร่วมมือใหม่ที่เป็นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ของภูมิภาค เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การปรับตัวต่อโครงสร้างประชากร และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน
สำหรับภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 ทั้ง 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ในวันที่ 31 ตุลาคม หัวข้อ ‘Towards a More Connected, Resilient Region and Beyond’ ซึ่งไทยจะเน้นการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก และ ช่วงที่ 2 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน หัวข้อ ‘Preparing a Future-Ready Asia-Pacific’ ที่ไทยจะเสนอแนวทางเตรียมภูมิภาคให้พร้อมต่ออนาคตผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI นวัตกรรม และการสร้างการเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจของเอเปค ประจำปี 2568 โดยนายกรัฐมนตรีจะกล่าวปาฐกถาพิเศษ ภายใต้หัวข้อ ‘Bridge. Business. Beyond’, การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค และการพบหารือกับ US – APEC Business Coalition ซึ่งเป็นสมาคมธุรกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ รวมถึง การหารือทวิภาคีกับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและภาคธุรกิจสำคัญ และเข้าร่วมงานเลี้ยงแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ทั้งนี้ การประชุมผู้นำเอเปคในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้ 3 แนวคิดหลัก Connect – Innovate – Prosper เพื่อมุ่งเชื่อมโยงภูมิภาคด้วยนวัตกรรมและขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน โดยคาดว่าจะมีเอกสารผลลัพธ์สำคัญจำนวน 5 ฉบับ ได้แก่
1.ปฏิญญาคยองจูของผู้นำเอเปค ครั้งที่ 32
2.ข้อริเริ่มเอเปคด้านปัญญาประดิษฐ์ (APEC AI Initiative)
3.กรอบความร่วมมือรองรับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรในภูมิภาค
4.ถ้อยแถลงผู้นำว่าด้วยความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์
5.ถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 36



