เศรษฐกิจอาเซียนโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยโลก 25% IMF แนะการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (nontariff barriers) สามารถเพิ่ม GDP ของอาเซียนได้ 4.3% ในระยะยาว และสร้างงานใหม่ประมาณ 4 ล้านตำแหน่ง พร้อมเผยหัวข้อการประชุมประจำปี (Annual Meetings) ของ World Bank และ IMF ปี 2026 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ปีหน้าคือ ‘การเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยและทั่วถึง’
คริสตาลินา กิออร์กิเอวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า เศรษฐกิจ (GDP) อาเซียนกำลังเติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกกว่า 25% และด้วยขนาดเศรษฐกิจของอาเซียนที่คำนวณรวมกันสูงกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้อาเซียนถือเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกแล้ว
กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวต่อว่า โลกและอาเซียนต่างก็มีความสามารถในการปรับตัว (resilience) ได้อย่างน่าทึ่ง แม้จะเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ การค้า เทคโนโลยี ประชากรศาสตร์ สภาพภูมิอากาศ และความไม่แน่นอนที่สิ่งเหล่านี้สร้างขึ้น
โดย IMF คาดการณ์การเติบโต GDP โลกที่ 3.2% เปอร์เซ็นต์ในปี 2025 และ 3.1% ในปี 2026 ส่วนการเติบโตของ GDP อาเซียนอยู่ที่ 4.3% ทั้งในปีนี้และปีหน้า
“แม้ว่าตัวเลขนี้ (GDP อาเซียน) จะต่ำกว่าแนวโน้มในอดีต แต่ก็ยังดีกว่าที่ IMF กังวลไว้เมื่อเดือนเมษายน” กิออร์กิเอวากล่าว
กรรมการผู้จัดการ IMF อธิบายต่อว่า สาเหตุที่เศรษฐกิจอาเซียนปรับตัว (resilience) ได้อย่างน่าทึ่งมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ปัจจัยพื้นฐานทางนโยบายที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการทำงานหนักมานานหลายปี
- ความสามารถในการปรับตัวของภาคเอกชน ซึ่งเห็นได้ชัดจากการเร่งทำการค้าล่วงหน้า (trade frontloading) การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานอย่างรวดเร็ว และการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะ AI
- ประเทศส่วนใหญ่ยังคง จนถึงตอนนี้ ทำการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ Most Favored Nation rules ขณะเดียวกันก็กระชับความร่วมมือระดับภูมิภาคและทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากโลกที่แตกแยกมากขึ้น
กิออร์กิเอวากล่าวต่อว่า ปัจจุบัน การค้าภายในภูมิภาคอาเซียนคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของการค้าทั้งหมด เมื่อเทียบกับ 60% ในสหภาพยุโรป (EU) ดังนั้นการขจัดอุปสรรคทางการค้าจะช่วยให้เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตได้เร็วขึ้น
เปิดแนวทางปลดล็อกศักยภาพอาเซียน
โดยการวิเคราะห์ของ IMF ยังชี้ให้เห็นว่า การลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (nontariff barriers) สามารถเพิ่ม GDP ของอาเซียนได้ 4.3% ในระยะยาว และสร้างงานใหม่ประมาณ 4 ล้านตำแหน่ง เมื่อควบคู่กับนโยบายตลาดแรงงานที่ชาญฉลาด
“ดังนั้น เราต้อง “เห็นด้วย” (Yes to) กับการยกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement) ‘เห็นด้วย’ กับการดำเนินการในลักษณะเดียวกันเพื่อเปิดเสรีการค้าภาคบริการ ‘เห็นด้วย’ กับการจับคู่สิ่งนี้กับการบูรณาการทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ‘เห็นด้วย’ กับการลงทุนร่วมกันที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และ ‘เห็นด้วย’ กับการแบ่งปันเทคโนโลยีที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและ AI ซึ่งสิงคโปร์โดดเด่นในฐานะผู้นำระดับโลก ขณะที่มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียกำลังมีความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง เรากำลังอำนวยความสะดวกในการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมด้าน AI ผ่านการมีส่วนร่วมแบบเพื่อนช่วยเพื่อน (peer-to-peer) ในอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ” กิออร์กิเอวากล่าว
เคาะธีม Annual Meetings 2026: ‘การเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยและทั่วถึง’
กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวต่อว่า ด้วยความตื่นเต้นกับความก้าวหน้าในภูมิภาคนี้ IMF ได้ร่วมกับพันธมิตรชาวไทย ได้เลือกหัวข้อ “การเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยและทั่วถึง” (safe and inclusive digital finance) เป็นหัวข้อหลักสำหรับการประชุมประจำปี (Annual Meetings) ของ World Bank และ IMF ปี 2026 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในปีหน้า
กิออร์กิเอวากล่าวทิ้งท้ายว่า ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ถูกจารึกไว้ด้วยการผงาดขึ้นของสหภาพยุโรป (EU) พร้อมด้วยเสรีภาพ 4 ประการ ได้แก่ เสรีภาพในการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ ทุน และแรงงาน ขอให้ครึ่งแรกของศตวรรษนี้เป็นที่จดจำว่าเป็น ‘ยุคของอาเซียน’ (ASEAN’s time) – ประชาคมแห่งชาติที่มีการบูรณาการสูงและมีพลวัต ซึ่งทำงานเพื่อประโยชน์ของภูมิภาคและเพื่อประโยชน์ของโลก
อ้างอิง:


