วันนี้ (16 ตุลาคม) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทย-กัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม กมธ.ในวันนี้ ว่า จะได้ข้อสรุปของ MOU 43 และจะนำเข้าสู่การพิจารณา MOU 44 ซึ่งเป็นการสรุป ข้อดี ข้อเสีย และข้อระวัง โดยจะมีรายละเอียดในการยกเลิกหรือไม่ยกเลิก
ส่วนที่มีข้อถกเถียงไม่อยากให้ยกเลิก MOU 43 ไชยชนกกล่าวว่า ในห้องประชุมก็มีการถกเถียงในเรื่องนี้ ทั้งที่อยากให้มีการยกเลิกและไม่ยกเลิก ซึ่งฝ่ายที่อยากให้ยกเลิกไม่เห็นด้วยกับการที่คงอยู่แบบนี้ และทุกคนเห็นอยู่ว่าปัญหาของ MOU กับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร และถ้าไม่ยกเลิกควรทำแบบไหน และเราถกเถียงกันอย่างดุเดือดทุกครั้ง แต่ยืนยันว่ามีเจตนาดี
เมื่อถามว่า หากมีการยกเลิก MOU 43 จะทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ รวมถึงมีการพูดคุยถึงหลักเขตแดนที่ปักปันไปแล้วด้วยหรือไม่ ไชยชนกกล่าวว่า หลักเขตแดนไม่ใช่ว่าปักปันแล้ว จะได้ข้อสรุปแล้วว่านี่คือเขตแดนใหม่ ซึ่งตามข้อตกลงหากปักปันแล้วเสร็จก็ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาฯ เพื่อพิจารณาอีกครั้ง หากสภาฯ ไม่เห็นชอบ จะถือว่ามีการเซ็น MOU ร่วมกัน แต่ไม่มีเขตแดน
ไชยชนกกล่าวอีกว่า นอกจากความคืบหน้าของ กมธ. แล้ว ยังมีความเคลื่อนไหวของทางคณะรัฐมนตรีที่ในวันพรุ่งนี้ (17 ตุลาคม) จะมีการประชุมหารือที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี, สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไชยชนก ยังกล่าวถึงการเดินหน้าปราบปรามสแกมเมอร์ หลังมีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งรัฐบาลถูกตั้งคำถามว่านิ่งเฉย ยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งเฉย เพราะเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่กระทรวงเดินหน้า ส่วนการตั้งคณะกรรมการฯ ของนายกฯ เป็นสิ่งที่ดีที่ทุกองคาพยพจะทำงานร่วมกันให้การแก้ไขทรงพลัง
สำหรับเป้าหมายการปราบปรามเรื่องนี้ใน 4 เดือน มีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้องทั้งเรื่องระหว่างประเทศ สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพ ซึ่งตอนนี้มีสิ่งที่ตนได้สั่งการให้ศึกษา และเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการฯ คือ กฎหมาย Active Cyber Defence 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่งออกมา และมีหลายประเทศทำในลักษณะคล้ายกัน เพื่อตอบโต้ทางไซเบอร์
เช่น หากมีการคุกคามทางไซเบอร์ สามารถตั้งทีมงานเฉพาะ หรือคณะกรรมการอนุมัติเพื่อแฮ็กกลับได้ ซึ่งจะไม่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เวียดนามก็ทำ ญี่ปุ่นก็ทำ โดยปลายเดือนนี้ตนจะเดินทางไปลงนามความร่วมมือที่สหประชาชาติ
ส่วนที่ฝ่ายค้านมีการเปิดตัวละครอย่าง เบน สมิธ ว่ามีความสัมพันธ์กับคนในรัฐบาลอย่าง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไชยชนกกล่าวว่า ในเชิงลึกแบบนี้คงตอบไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ทุกคนต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการ อาจรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้การแก้ปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้าและสะดุดลง ไชยชนกกล่าวว่า ตอบไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาเดินเต็มที่มาโดยตลอดและจะเดินเต็มที่ต่อไป
“ถามว่ามีอุปสรรคไหม ตั้งแต่ผมประกาศตัวมา เจออุปสรรครุมเร้ามาก ผมก็สงสัยเหมือนกัน คนคิดดีทำดี ทำงานเต็มที่กลายเป็นว่าโดนหมดทุกทางมากกว่าเดิม เป็นเรื่องที่น่าคิด แต่สรุปไม่ได้ เราไม่มีหลักฐาน ถ้ามีก็ดำเนินการเต็มที่ กลุ่มที่ตั้งข้อสังเกตและนำเสนอหากมีหลักฐานก็ควรนำมาให้ชัดเจน ช่วยกันดำเนินการเร็วขึ้น”
ไชยชนกกล่าวด้วยว่า ส่วนที่สหรัฐฯ ยึดทรัพย์นักธุรกิจบิตคอยน์ ประเทศไทยจะดำเนินการด้วยหรือไม่ ก็ต้องเดินไปให้สุดทุกทาง ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบเงินสินบน 40 ล้านบาท แลกกับการไม่เดินหน้าปราบปรามสแกมเมอร์ ขอให้รอชมความคืบหน้าในการตรวจสอบเร็วๆ นี้ เชื่อว่าจะทราบข้อมูลเร็วกว่า 30 วัน