วันนี้ (14 ตุลาคม) ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวาระแรก
อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลุกขึ้นอภิปราย ระบุว่า เหตุที่มีการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการร่าง และผู้ที่ร่างรัฐธรรมนูญก็มาจากการคัดเลือกจากคนเพียงไม่กี่คน เป็นรัฐธรรมนูญที่ขาดการยึดโยงกับประชาชน เป็นรัฐธรรมนูญที่ทําให้รัฐเข้มแข็งแต่ประชาชนอ่อนแอ สืบทอดอํานาจรัฐประหารจากคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีผลผูกพันจนถึงทุกวันนี้
อังคณาระบุอีกว่า แม้รัฐธรรมนูญปี 2560 จะผ่านการทําประชามติในปี 2559 แต่ในช่วงนั้นประชาชนถูกจํากัดสิทธิเสรีภาพ รวมถึงผู้ที่ออกมารณรงค์ให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หลายคนถูกดําเนินคดีและถูกคุกคาม
ที่ผ่านมาร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนเคยถูกบรรจุให้มีการแก้ไขในรัฐสภาเมื่อปี 2563 มีประชาชนมารวมตัวกันที่หน้ารัฐสภา เพื่อติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่า เป็นการชุมนุมที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง ทำให้มีการสลายการชุมนุมโดยที่ประชาชนไม่ได้ชี้แจง
“เป็นที่น่าเสียดายว่าวันนี้ และพรุ่งนี้เราจะพิจารณาระบหลักการร่างรัฐธรรมนูญที่มีแค่ 3 ฉบับ ที่มาจากพรรคการเมือง แต่ร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากภาคประชาชนไม่สามารถนําเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ดังนั้น ความพยายามให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด จึงเป็นเรื่องสําคัญที่กรรมาธิการวิสามัญที่จะตั้งขึ้นจะต้องให้ความสําคัญ”
อังคณาย้ำด้วยว่า ในการร่างรัฐธรรมนูญอยากให้ยึดโยงกับประชาชนและกลุ่มเปราะบาง ที่ไม่สามารถเข้าถึงหรือมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด, ให้เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย, ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องทํางานอย่างมีอิสระ ประสิทธิภาพโปร่งใส และไม่หวั่นเกรงต่ออํานาจใดๆ
อังคณา ยังระบุอีกว่า ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่จะทําให้ทุกคนพอใจได้ในทุกมาตรา แต่ รัฐธรรมนูญที่ดีต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่ทําให้ทุกคนอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความเท่าเทียม ในสิทธิเสรีภาพ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนทุกคน
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องคืนสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนและสร้างรัฐสวัสดิการ สําหรับทุกคนอย่างถ้วนหน้าและเท่าเทียม คืนสิทธิชุมชนให้กับผู้ที่ตั้งถิ่นฐานมาช้านาน
การแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นหนทางที่ทําให้ประเทศไทยออกจากความขัดแย้งและความหวาดกลัว และเป็นส่วนสําคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ไปสู่การอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างหลากหลาย บนพื้นฐานที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนทุกคน สร้างเสถียรภาพทางการเมืองที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
อังคณา ระบุอีกว่า ที่ผ่านมาการถอดถอนรัฐบาลจากอํานาจแบบที่คาดเดาไม่ได้ เป็นความท้าทายอย่างยิ่งของสังคมไทยและการเมืองไทยที่ทําให้ร้าวลึกมากขึ้น ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ทําให้ตนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่าง มีบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย และรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลพลเรือน เคารพในพหุวัฒนธรรม จะเป็นบันไดสู่การพัฒนาประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน และทําให้สังคมไทยแข็งแรงขึ้น มีความอดทน อดกลั้น เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ทุกคน