วันนี้ (14 ตุลาคม) ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวาระแรก โดยจะมีการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม 2568
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้มา 8 ปีเศษ มีความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง ทั้งแบบรายมาตราและทั้งฉบับ เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญง่ายขึ้นและสอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศและสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงการขยายอํานาจสิทธิของประชาชน
แต่ที่ผ่านมา ความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อนสมาชิก ประสบความสําเร็จเพียงฉบับเดียวจาก 6 ฉบับ คือ การแก้ไขรูปแบบการเลือกตั้งจากบัตรใบเดียวเป็นบัตร 2 ใบ เนื่องจากเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญปี 2560 ทําให้การแก้ไขทำได้ยาก เพราะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ที่ประกอบด้วยเสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า 20% และเสียงของวุฒิสมาชิกไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 ซึ่งบางมาตราจะต้องทําประชามติสอบถามความเห็นของประชาชน
จุรินทร์กล่าวด้วยว่า หลายพรรคการเมืองกําหนดเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญในนโยบายหาเสียง แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยเฉพาะบทเฉพาะกาลที่กําหนดให้ สว. เลือกนายกรัฐมนตรีได้ ทั้งที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน แต่เมื่อประชาชนลงประชามติเห็นชอบพรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมรับ
นอกจากนี้ ในการเข้าร่วมรัฐบาลกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคประชาธิปัตย์เคยมีเงื่อนไข 3 ข้อ ในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ คือ 1. รัฐบาลต้องยึดความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารราชการแผ่นดิน 2. ต้องนํานโยบายการประกันรายได้เกษตรกร ไปบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาล และ 3. ต้องสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2
จุรินทร์ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้เป็นอีกครั้งที่มีการเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในที่ประชุมสภา เพื่อตอบสนอง MOA ที่ประชาชนเห็นว่าควรมีการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมีการเสนอแล้ว ตนยังเน้นย้ำจุดยืนเดิม คือ ต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เพราะข้อความเหล่านี้มีปรากฏต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2492 ที่ควรจะต้องคงไว้ เพื่อความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์ และมิติทางการเมืองการปกครองที่ยึดหลักประชาธิปไตยคู่กับองค์พระมหากษัตริย์อย่างสมดุล
“ถ้าจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องไม่แตะหมวด 1-2 หรือแปลง่ายๆ คือการห้ามเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหมวด1-2 โดยเด็ดขาด” จุรินทร์กล่าว
จุรินทร์กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาทั้ง 3 ร่าง จะเห็นว่าทุกร่างมีหลักการใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่แตกต่างมีประมาณ 2 ข้อ คือ จำนวน สสร. และที่มาแตกต่างกัน รวมถึงหมวด 1 และ 2 ซึ่งมีร่างที่ห้ามแตะ และร่างที่ไม่ได้มีข้อห้าม ซึ่งตนขอยืนยันจุดยืน และข้อเสนอแนะ 4 ข้อ ดังนี้
- พร้อมสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่แตะ หมวด 1 และหมวด 2
- ต้องใช้ร่างที่ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เป็นหลัก
- การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องที่มาของ สสร. ที่จะทำให้การแก้ไขครั้งนี้เป็นหมัน
- รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้ามี สสร. ยกร่าง ควรมีเจตจำนงในการส่งเสริมคดีปกครองบ้านเมือง ผู้ที่จะเข้าสู่อำนาจสำคัญ นอกจากจะมีคุณวุฒิและวัยวุฒิตามที่กำหนด ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อให้การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ สนองตอบและคงมาตรฐานต่อผู้ที่จะเข้าสู่อำนาจทางการเมืองและตำแหน่งสำคัญของบ้านเมือง เพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยรวม
