ยอร์เกน วัตเน ฟรีดเนส ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบล (Jorgen Watne Frydnes) ประกาศให้ มาเรีย คอรินา มาชาโด (Maria Corina Machado)นักการเมืองหญิงชาวเวเนซุเอลาวัย 58 ปี เป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลสันติภาพประจำปี จากการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการส่งเสริมสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของประชาชนเวเนซุเอลา และการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ยุติธรรมและสันติ
“รางวัลนี้มอบให้กับ ผู้ปกป้องสันติภาพผู้กล้าหาญและมุ่งมั่น สตรีผู้รักษาเปลวไฟแห่งประชาธิปไตยให้ลุกโชน ท่ามกลางความมืดมิดที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น”
ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบล ยกย่องมาชาโด ว่าเธอคือ “หนึ่งในตัวอย่างอันโดดเด่นที่สุดของความกล้าหาญในทวีปละตินอเมริกาช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” และถือเป็น “บุคคลสำคัญที่มีบทบาททำให้เกิดความสามัคคีในเวเนซุเอลา จากการนำฝ่ายค้านในประเทศมาร่วมมือกัน เพื่อยืนหยัดสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ”
“นี่คือหัวใจสำคัญของประชาธิปไตย ความตั้งใจร่วมกันของเราที่จะปกป้องหลักการของการปกครองโดยประชาชน แม้ว่าเราจะมีความเห็นต่างกันก็ตาม
“ในช่วงเวลาที่ประชาธิปไตยกำลังถูกคุกคาม การปกป้องจุดร่วมนี้จึงสำคัญยิ่งกว่าที่เคย มาชาโดได้แสดงให้เห็นว่าเครื่องมือของประชาธิปไตยก็เป็นเครื่องมือเพื่อสันติภาพเช่นกัน” ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบล กล่าว
สำหรับมาชาโด นั้นเป็นทั้งนักการเมืองและวิศวกรอุตสาหกรรม โดยเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับการเลือกตั้งระหว่างปี 2011- 2014 และปัจจุบันเป็นผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา แต่กำลังอยู่ระหว่างการหลบซ่อนตัวจากการกวาดล้างคู่แข่งทางการเมืองของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร
โดยในปี 2023 เธอถูกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเวเนซุเอลาตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 15 ปี หลังถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้สนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรประเทศ ในช่วงวิกฤตการณ์ภายในของเวเนซุเอลา ก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษายืนยันการตัดสิทธิ์ ซึ่งส่งผลให้เธอไม่สามารถเป็นตัวแทนฝ่ายค้านลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 ได้
ขณะที่ในวันที่ 1 สิงหาคม 2024 มาชาโดได้เผยแพร่จดหมายผ่านหนังสือพิมพ์The Wall Street Journal ระบุว่าเธอกำลังหลบซ่อนตัว “ด้วยความหวาดกลัวต่อชีวิต และอิสรภาพ ของเธอและเพื่อนร่วมชาติ ที่ต่อสู้ระบอบเผด็จการของประธานาธิบดีมาดูโร”
ทรัมป์ชวดโนเบลสันติภาพ ลุ้นใหม่ปีหน้า
หลังการประกาศผู้ชนะรางวัล ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบล ยังถูกถามเกี่ยวกับแรงกดดันจากความพยายามเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
โดยฟรีดเนสให้คำตอบว่า “ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คณะกรรมการได้เห็นการรณรงค์หาเสียงและความตึงเครียดของสื่อ และได้รับจดหมายหลายพันฉบับในแต่ละปีจากผู้คนที่ชี้ถึง สิ่งที่นำไปสู่สันติภาพสำหรับพวกเขา” และยืนยันว่า “ตัดสินใจเลือกผู้ชนะรางวัลโนเบล โดยพิจารณาจากผลงานและเจตจำนงของอัลเฟรด โนเบลเท่านั้น”
ทั้งนี้ ทรัมป์ พยายามชูบทบาทของตนเองในฐานะประธานาธิบดีแห่งสันติภาพที่ยุติสงครามและความขัดแย้งในหลายแห่ง รวมถึงการสู้รบบริเวณชายแดนไทยและกัมพูชาสาธารณะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อคว้ารางวัลโนเบลสันติภาพ แต่การเสนอชื่อเขาโดยหลายผู้นำ รวมถึงผู้นำกัมพูชา เกิดขึ้นหลังจากที่ปิดรับการเสนอชื่อแคนดิเดตผู้ท้าชิงรางวัลประจำปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าทรัมป์ อาจจะยังมีลุ้นในการเสนอชื่อรับรางวัลในปีหน้า
ภาพ : REUTERS/Leonardo Fernandez Viloria/File Photo
อ้างอิง :
- https://www.bbc.com/news/live/c1l80g1qe4gt
- https://www.reuters.com/world/nobel-peace-prize-winner-be-announced-year-overshadowed-by-trump-2025-10-10/
- https://www.nobelprize.org/prizes/peace/
- https://apnews.com/article/venezuela-opposition-candidate-ban-machado-maduro-ed68b5d422e454371186c745046ebd75