วันนี้ (10 ตุลาคม) จากกรณีพิพาทเรื่องหนี้สินระหว่างโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งทำให้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ เดินทางมาร่วมฟังแถลงข่าวของ สปสช. วานนี้ (9 ตุลาคม) เพื่อติดตามทวงหนี้ สปสช. ค้างจ่ายโรงพยาบาลกว่า 110 ล้านบาท ทำให้ต้องประกาศอาจยุติบริการผู้ป่วยนอกตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม หากไม่ได้รับชำระหนี้ก้อนแรก 50 ล้านบาท ขณะที่ สปสช. ยืนยันว่ายอดหนี้มีเพียง 36.75 ล้านบาทและได้โอนจ่ายแล้ว
ล่าสุด พล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้การให้สัมภาษณ์ของ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ในรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand’ โดยระบุว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จและเตรียมดำเนินคดี พร้อมได้ชี้แจง 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
ประเด็นที่ 1: คดีฟ้องศาลปกครอง เมื่อ ส.ค.-ก.ย.65
โดยปฏิเสธคำกล่าวอ้างของ ทพ.อรรถพร ที่ว่าโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นฝ่ายขอเลิกสัญญาบัตรทองแต่กลับคำในภายหลัง จึงไปฟ้องศาลปกครอง และขอไกล่เกลี่ยกับ สปสช.เพื่อทำสัญญาต่อ ซึ่งความเป็นจริงโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเพียงขอลด จำนวนประชากรสิทธิบัตรทอง แต่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กลับทำหนังสือเลิกสัญญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ต้องฟ้องศาลปกครอง และสุดท้าย สปสช. เป็นฝ่ายขอไกล่เกลี่ยและนำสัญญามาให้ลงนามถึงที่โรงพยาบาลฯ
“แต่ ทพ.อรรถพร คนเดียวกันนี้กลับให้สัมภาษณ์กับคุณดนัย-คุณอมรรัตน์ คนละเรื่อง คนละฟากโลก บิดเบือนสาธารณชนให้เข้าใจ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและเข้าใจผมในทางเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก”
ประเด็นที่ 2: คดีฟ้องศาลปกครอง พ.ค. 64
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะโดยตนฟ้องศาลปกครองมีคำสั่งให้ สปสช.ชำระหนี้ค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งตัวผู้ป่วยจากคลินิก ซึ่งเป็นคู่สัญญาของ สปสช. แต่ถูก สปสช. บอกเลิกสัญญาจากการทุจริตในระหว่าง กรกฎาคม-กันยายน 63 จำนวนเงินรวม 13.2 ล้านบาทเศษ
คดียังอยู่กับศาลปกครอง ยังไม่มีการไต่สวนใดๆ แต่ ทพ.อรรถพร ให้สัมภาษณ์ว่าโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะต้องไปทวงหนี้จากคลินิกทั้งหลายเอง ซึ่ง สปสช. ได้ช่วยทวงหนี้มาให้ได้ประมาณ 4 ล้านบาท ยังคงเหลือหนี้อยู่ 8 ล้านบาทเศษ
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุอีกว่า โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะไปทวงหนี้จากคลินิก สปสช. ในฐานะเคลียริงเฮาส์ (Clearing house) และเป็นคู่สัญญากับทั้งโรงพยาบาลและคลินิก ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ การให้สัมภาษณ์ฝ่ายเดียวโดย ทพ.อรรถพร ที่ปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำ อาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับสื่อตามตำแหน่งหน้าที่ของตนเองบิดเบือนสาธารณชนให้เข้าใจ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและเข้าใจตนในทางเสื่อมเสีย
ประเด็นที่ 3: สปสช ไม่ได้เป็นหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะเกิน 100 ล้านบาท เป็นหนี้แค่ 37 ล้านบาท
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยืนยันว่า ยอดหนี้รวมเกิน 100 ล้านบาทแน่นอน โดยแจกแจงรายละเอียดหนี้ 3 ส่วน ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับตัวเลข 37 ล้านบาทที่ สปสช. กล่าวอ้าง ได้แก่
- หนี้จากกรณีคลินิกทุจริต 13.2 ล้านบาท
- หนี้ปีงบประมาณ 2567 อีกกว่า 41.7 ล้านบาท ที่ทาง ทพ.อรรถพร ให้สัมภาษณ์ว่า บอร์ด สปสช.มีการปรับระบบการจ่ายตาม Fee Schedule เป็นระบบแต้ม หรือ Point system ทำให้หนี้ 41.7 ล้านบาทที่ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะยังไม่ได้รับเงินแล้ว ยังต้องถูกเรียกเงินคืนอีก 38 ล้านบาทเศษอีกด้วย
- หนี้ปีงบประมาณ 2568 ระหว่าง กรกฎาคม-สิงหาคม อีกกว่า 69 ล้านบาท (ยังไม่รวมเดือนกันยายน 50 ล้านบาท)
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า “รวมยอดหนี้ตามข้อ 1 ถึง 3 ณ สิ้นเดือน กันยายน 68 ก็มากกว่า 100 ล้านบาทแล้ว แต่ ทพ.อรรถพร ก็ยังบิดเบือนสาธารณะผ่านรายการคุณดนัย-คุณอมรรัตน์ หน้าด้านๆ อีกว่า เป็นหนี้แค่ 37 ล้านบาท ใครโกหกกันแน่ครับ”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้ประกาศว่าจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับ ทพ.อรรถพร และ/หรือ สปสช. จากการให้ข้อมูลเท็จที่ทำให้โรงพยาบาลฯ และตนเองได้รับความเสื่อมเสีย พร้อมทั้งเล่าว่า ได้เข้าไปเผชิญหน้ากับ ทพ.อรรถพร ในวงแถลงข่าว แต่เสียดายที่ยังไม่ทราบเรื่องการให้สัมภาษณ์ที่เป็นประเด็นผ่านรายการฯ มิเช่นนั้นจะชี้แจงความจริงต่อนักข่าวและจะไม่มีไมตรีกับ ทพ.อรรถพร ในการแถลงอย่างเด็ดขาด
ด้าน ทพ.อรรถพร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง จะดำเนินการฟ้องร้องว่า ไม่มีความกังวลใจ เนื่องจากตนได้ทำตามหน้าที่และสื่อสารในนามขององค์กร หากมีการฟ้องร้องก็พร้อมให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป