ราคาหุ้นของบริษัทเหมืองแร่หายากและแร่สำคัญในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในวันพฤหัสบดี (9 ตุลาคม) ที่ผ่านมา หลังจากจีนประกาศเข้มงวดการส่งออกแร่หายาก (Rare Earths) มากขึ้น ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจเร่งเดินหน้าการลงทุนสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศอย่างจริงจัง
หุ้น USA Rare Earth พุ่งขึ้น 15%, NioCorp Developments เพิ่มขึ้นประมาณ 12%, Ramaco Resources พุ่งกว่า 11%, Energy Fuels เพิ่มขึ้นมากกว่า 9%, และ MP Materials ขยับขึ้นกว่า 2% ขณะเดียวกัน Albemarle เพิ่มขึ้นราว 5%, Trilogy Metals พุ่งเกือบ 4%, และ Lithium Americas เพิ่มขึ้นประมาณ 2%
จากประกาศของกระทรวงพาณิชย์จีนกำหนดให้ บริษัทต่างชาติที่ส่งออกสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่หายากตั้งแต่ 0.1% ของมูลค่าสินค้าขึ้นไปต้องขอใบอนุญาตส่งออก รวมถึงบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีการสกัด แยก หรือรีไซเคิลแม่เหล็กจากจีนก็ต้องขออนุญาตเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า “ทำเนียบขาวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังประเมินผลกระทบจากกฎใหม่ของจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมาตรการนี้ประกาศโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า และมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อควบคุมห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีของทั้งโลก”
จีนออกข้อจำกัดนี้ล่วงหน้าก่อนการประชุมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่าง ประธานาธิบดีจีน Xi Jinping และ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเปก (APEC) ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ปลายเดือนนี้
แร่หายากถือเป็นประเด็นขัดแย้งสำคัญในการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยจีนเป็นผู้ครองห่วงโซ่อุปทานแร่หายากของโลกเกือบทั้งหมด ขณะที่สหรัฐฯ พึ่งพาการนำเข้าจากจีนเป็นหลัก
ทำเนียบขาวและอุตสาหกรรมแร่สำคัญของสหรัฐฯ กล่าวหาจีนว่าบิดเบือนตลาดเพื่อขับคู่แข่งต่างชาติให้หมดไปจากธุรกิจ แร่หายากเหล่านี้ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาวุธของสหรัฐฯ หุ่นยนต์ ยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ทำข้อตกลงประวัติศาสตร์กับบริษัทเหมืองแร่หายากรายใหญ่ที่สุดของประเทศ MP Materials ซึ่งรวมถึงการถือหุ้นร่วมด้วย ถือเป็นก้าวแรกในความพยายามของรัฐบาล Trump ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหมืองในประเทศเพื่อต่อกรกับจีน
ต่อมาทำเนียบขาวได้เข้าซื้อหุ้นใน Lithium Americas และ Trilogy Metals เพิ่มเติม กระตุ้นให้นักลงทุนคาดว่าจะมีการลงทุนลักษณะเดียวกันอีกหลายดีลในอนาคต
โฆษกของ MP Materials กล่าวถึงมาตรการของจีนว่า “การกระทำครั้งนี้ย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นของนโยบายอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งของสหรัฐฯ การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นถือเป็นเรื่องของความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ”
แม้ USA Rare Earth และ Energy Fuels ยังไม่ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาล แต่ซีอีโอของทั้ง 2 บริษัทเปิดเผยว่ากำลังติดต่อกับฝ่ายบริหารของ Trump อย่างใกล้ชิด
Neo Wang นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI กล่าวว่ามาตรการของจีนครั้งนี้ช่วยให้ Xi Jinping อยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นก่อนเจรจากับ Trump ในการประชุมสุดยอดที่เกาหลีใต้
หวังยังเสริมว่า “แม้ทั้งปักกิ่งและวอชิงตันจะได้บทเรียนจากการปะทะด้านการควบคุมการส่งออกเมื่อเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จีนมีความสามารถในการทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้มากกว่า เนื่องจากโครงสร้างทางการเมืองของตน ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับภัยคุกคามของจีนในเกมชิงอำนาจครั้งนี้”
ภาพ: wildpixel / Shutterstock
อ้างอิง: