×

นพ.เหรียญทอง โผล่กลางวงแถลง ถกเดือด สปสช. หลังตัวเลข 2 ฝั่งไม่ตรงกัน เผยพร้อมกลับมารับคนไข้ หากชำระหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ

โดย THE STANDARD TEAM
09.10.2025
  • LOADING...
COVER - Rientong NHSO Debt Payment Demand

วันนี้ (9 ตุลาคม) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีปัญหาค้างจ่ายโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า สปสช. เป็นหนี้ทุกโรงพยาบาลเป็นเรื่องจริงโดยระบบของ สปสช. จะได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐเป็นงบปลายปิด

 

เพื่อนำมาจ่ายใน 2 รูปแบบ คือแบบเหมาจ่ายต่อหัว ที่จะจ่ายทันทีให้กับโรงพยาบาล และกรณีการจ่ายตามเกณฑ์ค่าใช้จ่ายการรักษาของคนไข้แอดมิต โดยจะจ่ายเป็นรายเดือน คือสถานพยาบาลต้องให้บริการไปก่อน แล้วทำเรื่องเบิกมายัง สปสช.

 

ทั้งนี้ ในกรณีที่ค่าใช้จ่ายงบประมาณไม่เพียงพอก็จะมีการขอเบิกงบประมาณเพิ่มเติม โดยรอบล่าสุดมีการเบิกงบการไปประมาณ 8,000 ล้านบาท ตอนนี้อยู่ระหว่างรองบกลาง

 

สปสช. ชี้ ปรับเกณฑ์จ่ายเงิน ต้องเรียกคืน รพ.มงกุฎวัฒนะ 31 ล้านบาท

 

ส่วนกรณี สปสช. มียอดค้างจ่ายโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จำนวน 110 ล้านบาทนั้น ทพ.อรรถพร ให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้เริ่มตั้งแต่ปี 63 จากกรณี สปสช. ยกเลิกคลินิกชุมชนอบอุ่นประมาณ 200 กว่าแห่งที่พบการทุจริต จึงมีการโอนย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอื่นๆ รวมทั้งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ

 

ในตอนนั้นงบประมาณที่ได้รับมีการจัดสรรให้คลินิกปฐมภูมิไปแล้ว เมื่อทางโรงพยาบาลรับคนไข้ต่อทางคลินิกจะต้องตามจ่ายเงินคืนให้กับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งมียอดค้างรวมประมาณ 13.2 ล้านบาท จึงมีการตั้งคณะกรรมการติดตามทวงหนี้ขึ้นมา โดยมีการดำเนินการแจ้งความและเรื่องอยู่ในชั้นศาลปกครอง โดยขณะนี้มีการติดตามทวงหนี้ได้คืนบางส่วน จึงมียอดคงเหลือ 8.3 ล้าน

 

ส่วนยอดคงค้างปี 67 มีการจ่ายเงินงบประมาณให้ไปแล้ว 651 ล้านบาท โดยช่วงปลายปีมีการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินใหม่ จึงมีเงินส่วนเกินที่จะต้องเรียกเก็บคืนจากโรงพยาบาลประมาณ 16 ล้านบาท

 

ส่วนยอดหนี้ในปี 68 ทาง สปสช. จ่ายไปแล้ว 618 ล้านบาท เป็นงบเหมาจ่ายต่อประชากร ซึ่งมีการโอนเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (9 ตุลาคม) 36 ล้านบาท โดยต้องมียอดเรียกคืนเงินประมาณ 31 ล้านบาท ทำให้มีเงินคงค้างกับทางโรงพยาบาลอยู่ที่ประมาณ 67 ล้านบาท ไม่ใช่ยอด 110 ล้านบาท ตามที่ พล.ต. นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะโพสต์

 

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาก็ได้พูดคุยกับนายแพทย์เหรียญทองมาตลอด และยอมรับว่าทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะดูแลคนไข้ดีเพียง แต่อาจมีข้อติดขัด ซึ่งทาง สปสช. ยินดีที่จะปรับ

 

ทพ.อรรถพร ยอมรับว่า ขณะนี้ สปสช. มียอดหนี้ค้างสถานพยาบาลทั่วประเทศรวมหลายพันล้านบาท ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นยอดไตรมาสสุดท้ายของปี ทำให้ต้องมีการคำนวณอัตราการจ่ายใหม่จึงต้องใช้ระยะเวลา ส่วนใหญ่เป็นค่าบริการกลุ่มผู้ป่วยใน ขอยืนยันว่าไม่เกินวันศุกร์ 17 ตุลาคมนี้ ทุกโรงพยาบาลจะได้รับเงิน

 

ที่ผ่านมา สปสช. มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลคู่สัญญา จึงทำให้เกิดข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในการเบิกจ่ายของโรงพยาบาล ทำให้ในปี 69 จะมีการพูดคุยกับสถานพยาบาลว่า จากนี้จะต้องหารือร่วมกับผู้ประกอบการก่อนการเปลี่ยนเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน

 

นพ.เหรียญทอง โผล่กลางวง บอกไม่เคยรับรู้ สปสช. เปลี่ยนเกณฑ์คำนวณ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการแถลงข่าว พล.ต. นพ.เหรียญทอง ได้เดินทางมาร่วมฟังด้วยตนเอง พร้อมขอชี้แจงข้อมูลกรณียอดหนี้ที่ สปสช. คงค้างโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โดยยังยืนยันว่าเป็นเงิน 110 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดหนี้คงค้างในปี 2563 ประมาณ 8.9 ล้านบาท ยอดหนี้ของปี 2567 ประมาณ 40 ล้านบาท และยอดหนี้ปี 2568 รวมประมาณ 70 ล้านบาท

 

พล.ต. นพ.เหรียญทอง ระบุว่า ในวันนี้ที่ฟัง ทพ.อรรถพร แถลงข้อมูลรู้สึกเป็นการบิดเบือนไม่ตรงความจริง และการเปลี่ยนเกณฑ์จ่ายเงินในปี 67 นั้น ตนไม่เคยรับรู้มาก่อน การทำแบบนี้เป็นสิ่งที่แย่ เป็นการเบี้ยวหนี้และยังคดโกง ทำให้ตนกลายเป็นหนี้โดยไม่รู้

 

“ถ้า สปสช. นึกกติกาวันดีคืนดีมาตั้งระบบ point system กลายเป็นถูกเรียกเงินอีก 38 ล้านบาท ในเดือนกันยายนถึงมีนาคมไม่มีการพูดถึงเลย เป็นที่มาที่ผมยกเลิก 35 คลินิก ประชากร 2 แสนกว่าคนเดือดร้อนเพราะกติกาไม่แน่นอน ไม่พอ แล้วยังย้อนไปในอดีตอีก”

 

พร้อมคืนดีหากใช้หนี้ปี 63 และปี 67

 

พล.ต. นพ.เหรียญทองระบุว่า ในวันนี้ที่มาเพื่อขอทวงหนี้ ซึ่งมีเงื่อนไข 2 ข้อคือ ขอให้ สปสช. ดำเนินการจ่ายหนี้คงค้างของปี 2563 ยอดรวม 8.9 ล้านบาท และจ่ายยอดหนี้คงค้างของปี 2567 ที่ยอดรวมประมาณ 40 ล้านบาทก่อน หากดำเนินการได้รับ ทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็ยังคงให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองต่อ ส่วนงบประมาณของปี 2568 ตนเข้าใจและรอได้ เพราะขั้นตอนการเบิกจ่ายต้องเป็นไปตามระบบ

 

ด้าน ทพ.อรรถพร กล่าวว่า จะรับข้อเสนอของ พล.ต. นพ.เหรียญทอง ไปดำเนินการโดยกรณีหนี้ปี 2563 มติยังค้างที่บอร์ด สปสช. และขั้นตอนยังอยู่ในระหว่างยื่นฟ้องของศาลปกครอง ซึ่ง พล.ต. นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า หากมีการนัดไกล่เกลี่ยและคืนเงินตนก็จะถอนการฟ้องทันที

 

ส่วนยอดหนี้คงค้างของปี 2567 ทพ.อรรถพร ระบุว่า ตนรับจะนำเข้าสู่ที่ประชุม คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) พิจารณา ซึ่งอาจไม่ทันในช่วง 16 ตุลาคม ตามเส้นตายที่ พล.ต. นพ.เหรียญทอง กำหนด แต่จะดำเนินการให้

 

ด้าน พล.ต. นพ.เหรียญทอง กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณี สปสช. มีการปรับเกณฑ์การจ่ายเงินให้กับสถานพยาบาลคู่สัญญา ว่า เชื่อได้ว่าหลายโรงพยาบาลอาจยังไม่ทราบเกณฑ์ใหม่ เพราะตนก็เพิ่งทราบในวันนี้ หากเป็นเช่นนี้หลายโรงพยาบาลอาจขอยกเลิกการเป็นคู่สัญญากับทาง สปสช.

 

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะมีรายได้จากการให้บริการผู้ป่วยซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจ่ายเงิน หากต้องยกเลิกการรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองก็ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของโรงพยาบาล แต่ในปัจจุบันที่ยังรับรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง เพราะยังเห็นใจคนไข้ มีจิตใจที่อยากช่วยเหลือผู้ป่วย

 

ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่เกิดขึ้นสามารถทำการเบิกและจ่ายหนี้คงค้างให้กับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก่อนได้หรือไม่ พล.ต. นพ.เหรียญทอง ระบุว่า การเลือกปฏิบัติไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเรื่องนี้เป็นกรณีเร่งด่วน สปสช. ไม่ควรนำไปรวมกับกรณีอื่น ซึ่งอาจทำให้ปัญหาซับซ้อนมากขึ้น

 

ขณะที่ ทพ.อรรถพร ระบุว่า เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนหากผลดำเนินการเป็นอย่างไรจะมีการแจ้งให้ทราบในภายหลัง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว ทั้งสองฝ่ายได้ลุกขึ้นไปพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวพร้อมจับมือ โดยที่ พล.ต. นพ.เหรียญทอง ได้กล่าวกับ ทพ.อรรถพร ว่า “คนเราโกรธกันได้ เกลียดกันได้ แต่ถ้ามีเหตุผลวันหนึ่งเราก็สามารถคืนดีกันได้”

 

WEB_1 WEB_2 WEB_3 WEB_4 WEB_5 WEB_6

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising