×

“Direct PPA” กุญแจดึงดูด Data Center และเร่งเครื่องไทยสู่พลังงานสะอาด

โดย THE STANDARD TEAM
08.10.2025
  • LOADING...

ปี 2026 โลกจะเข้าสู่กติกาใหม่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ CBAM ของสหภาพยุโรป ซึ่งเตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง กติกานี้บังคับให้ทุกประเทศและอุตสาหกรรมต้องเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด มิฉะนั้นสินค้าของตนจะเสียเปรียบในการแข่งขันทันที

 

หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ Data Center ศูนย์ข้อมูลที่เปรียบเสมือนหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตของ AI และ Cloud ทั่วโลก Data Center แต่ละแห่งใช้ไฟมหาศาลตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ใช่แค่ต้องมีไฟเพียงพอ แต่ต้องเป็นไฟฟ้าที่ สะอาด มั่นคง และมีราคาที่แข่งขันได้ ที่สำคัญคือต้องสามารถทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง หรือ Direct PPA เพื่อยืนยันได้ว่าไฟที่ใช้มาจากพลังงานหมุนเวียนแท้จริง

 

นี่จึงเป็นจังหวะสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเร่งเดินหน้า “Direct PPA” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน Data Center และวางรากฐานสู่ระบบพลังงานสะอาด ที่จะไม่เพียงตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม แต่ยังต่อยอดสู่ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย

 

 

Why Direct PPA? จุดเริ่มต้นจากแรงกดดันโลก

 

CBAM คือกติกาใหม่ที่โลกไม่อาจเพิกเฉย เพราะทันทีที่มาตรการนี้บังคับใช้เต็มรูปแบบในปี 2026 ผู้ส่งออกสินค้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลเป็นหลักจะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทันที เท่ากับว่าคู่แข่งในตลาดโลกไม่ใช่เพียงบริษัท แต่รวมถึง “มาตรฐานพลังงานของประเทศ” ด้วย

 

สำหรับธุรกิจ Data Center การใช้พลังงานสะอาดเป็นเงื่อนไขการลงทุนที่สำคัญ เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย, ยักษ์ใหญ่ด้าน Cloud และบริษัท AI ระดับโลก กำหนดให้บริการที่ใช้ต้องมาจากไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

มีการเปรียบเทียบว่า Data Center ขนาดใหญ่ 1 แห่ง ใช้ไฟฟ้ามากพอ ๆ กับเมืองเล็ก ๆ ทั้งเมือง หากไฟฟ้าที่ใช้ยังคงพึ่งพาก๊าซหรือถ่านหิน นักลงทุนย่อมลังเลที่จะเลือกประเทศนั้น ๆ เป็นฐานลงทุน

 

ตรงนี้เองที่ทำให้ Direct PPA กลายเป็นหัวใจ เพราะต่างจากระบบซื้อไฟฟ้าแบบรวมศูนย์ (Enhanced Single Buyer Model – ESB) ที่ผู้ใช้ไม่สามารถเลือกได้ว่าไฟฟ้ามาจากไหน Direct PPA เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อเจรจาโดยตรงกับผู้ผลิตพลังงานสะอาด และมีหลักฐานรับรองว่าพลังงานที่ใช้คือ “Green” จริง

 

หลายประเทศในอาเซียน เช่น สิงคโปร์และเวียดนาม เริ่มมีการแข่งขันด้านพลังงานสะอาดแล้ว ไทยจึงต้องเร่งทำ Direct PPA เพื่อดึงดูดนักลงทุนและแข่งขันในตลาดนี้

 

นอกจากนี้ Direct PPA ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่จะช่วยผลักดันการสร้างตลาดไฟฟ้าสีเขียวให้ชัดเจนขึ้น ผ่านกลไกอย่าง Utility Green Tariff (UGT) ที่จะใช้ควบคู่ไปกับสัญญาซื้อขาย เพื่อยืนยันว่าพลังงานที่ใช้มาจากแหล่งสะอาดจริง

 

The Turning Point of Thailand นโยบายที่เปลี่ยนเกม

 

รัฐบาลเศรษฐาเห็นศักยภาพไทยดึงดูด Data Center จึงมีมติ 19 มีนาคม 2567 ให้กระทรวงพลังงานศึกษา Direct PPA ต่อมา 25 มิถุนายน 2567 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติให้เอกชนทำ Direct PPA กับการไฟฟ้าได้ในรูปแบบนำร่อง 2,000 MW เพื่อไม่กระทบโครงสร้างไฟฟ้าเดิม

 

และล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 นายอรรถพล  ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงานที่จะต้องทำให้สำเร็จภายใน 4 เดือน โดยในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ย้ำถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยหนึ่งในนั้นคือ การเร่งเดินหน้าโครงการ Direct Power Purchase Agreement (Direct PPA) ให้ได้ปริมาณ 2,000 เมกะวัตต์ เพื่อเปิดทางให้เกิดการซื้อขายไฟฟ้าสะอาดโดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุน Data Center และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว 

 

ผลสะเทือนเชิงบวกเกิดขึ้นทันที นักลงทุน Data Center หันมาจับตาไทยอย่างจริงจัง ข้อมูลจาก BOI ระบุว่าเพียง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) มีโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุน Data Center และ Cloud Service รวม 27 โครงการ มูลค่ากว่า 2.9 แสนล้านบาท

 

โดยล่าสุด 17 มีนาคม 2568 บอร์ด BOI อนุมัติการลงทุน Data Center 3 โครงการใหญ่

 

  • บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด (Gulf, SingTel และ AIS) ลงทุน 13,480 ล้านบาท ที่ชลบุรี
  • บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology จากจีน ลงทุน 72,670 ล้านบาท ที่ระยอง
  • Empyrion Digital จากสิงคโปร์ ลงทุน 4,720 ล้านบาท ที่กรุงเทพฯ

 

ทั้งนี้ การเดินหน้าของไทยไม่ได้หยุดแค่การเปิดทางให้นักลงทุนเข้ามา แต่ กพช.ยังมอบหมายให้ทั้งกระทรวงพลังงานและ กกพ. ศึกษาผลกระทบจากโครงการนำร่องต่อการไฟฟ้า 3 แห่ง ได้แก่ กฟผ., กฟน., กฟภ. เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดตลาดใหม่จะไม่กระทบผู้ใช้ไฟทั้งภาคประชาชนและอุตสาหกรรม

 

 

Behind the Scene กกพ. และโจทย์ความท้าทาย

 

ในทางปฏิบัติ Direct PPA ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประเทศไทยยังคงโครงสร้างไฟฟ้าแบบรวมศูนย์ที่การไฟฟ้าเป็นผู้รับซื้อไฟหลัก การจะเปิดให้เอกชนซื้อขายตรง ต้องใช้ระบบ Third Party Access (TPA) หรือ “สิทธิในการใช้โครงข่ายไฟฟ้า” ซึ่งเปรียบเสมือนการเปิดถนนสาธารณะให้คนอื่นใช้ แต่ต้องกำหนดค่าผ่านทางอย่างเป็นธรรม

 

หน้าที่นี้ตกอยู่กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ต้องออกแบบค่าใช้บริการโครงข่าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเกี่ยวพันกับผู้เล่นทุกฝ่ายในระบบพลังงาน รายการค่าใช้จ่ายที่ต้องคิดรวมถึง:

 

  • Wheeling Charge ค่าบริการระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า
  • Connection Charge ค่าบริการเชื่อมต่อโครงข่าย
  • System Security Charge และ Ancillary Services ค่าบริการรักษาความมั่นคงระบบ
  • Imbalance Charge ค่าปรับหรือค่าบริการจากการผลิต ใช้ไฟฟ้าที่ไม่สมดุล
  • Policy Expenses ค่าใช้จ่ายเชิงนโยบาย เช่น การอุดหนุนพลังงานทดแทน

 

นอกจากการกำหนดรายการค่าบริการโครงข่ายแล้ว กกพ. ยังต้องคำนึงถึงต้นทุนที่แท้จริงของการลงทุนในระบบโครงข่ายที่เกิดขึ้นในอดีต เพื่อคำนวณค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม หากอนาคตมีการใช้ Direct PPA จำนวนมากขึ้น ค่าใช้บริการต้องไม่สร้างภาระต่อประชาชน และในขณะเดียวกันก็ต้องดึงดูดผู้ลงทุนได้

 

หาก Data Center ต้องการซื้อไฟฟ้าสะอาด 100 เมกะวัตต์ พวกเขาต้องจ่ายทั้งค่าไฟจริงและค่าบริการโครงข่ายในแต่ละหมวด หากราคาสูงไป นักลงทุนอาจไปประเทศอื่น แต่ถ้าราคาถูกไป ภาระจะตกกับผู้ใช้ไฟทั่วไป นี่คือประเด็นละเอียดอ่อนที่ กกพ. กำลังถูกจับตามองอย่างมาก

 

ซึ่งความคืบหน้าจากมติ กพช.  ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ “ร่างหลักเกณฑ์ Direct PPA ” ผ่าน TPA สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) การเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้เพื่อ 

 

  • ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ให้สอดคล้องกับนโยบายพลังงานสะอาดของประเทศ
  • เปิดเสรีการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้า ภายใต้กลไก Third Party Access (TPA)
  • สนับสนุนการลงทุนในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 50 เมกะวัตต์
  • วางรากฐานการพัฒนา ตลาดไฟฟ้าเสรีในอนาคต (Competitive Power Market) ที่โปร่งใสและแข่งขันได้

 

การซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามรูปแบบ Direct PPA จะเดินหน้าไม่ได้ หากไม่ผ่านกลไก Third Party Access (TPA) สำนักงาน กกพ.จึงได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ “ร่างหลักเกณฑ์โครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรง” หรือ TPA Code” ซึ่งจะเป็นหลักเกณฑ์สำคัญของ Direct PPA เพื่อให้การบริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นธรรม โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ มีความปลอดภัย รวมทั้งไม่ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าและส่วนรวมเสียประโยชน์ 

 

ผู้ที่สนใจสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ “ร่่างหลักเกณฑ์ โครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center)” และ “ร่างหลักเกณฑ์โครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรง หรือ TPA Code” ได้ที่… https://www.erc.or.th  ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม ถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2568 

 

เสียงสะท้อนจากนักวิชาการ

 

 

ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ จาก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) อธิบายชัดว่า จุดแข็งของไทยคือความมั่นคงด้านไฟฟ้า แต่จุดอ่อนคือสัดส่วนไฟฟ้าสะอาดยังไม่มากพอสำหรับตอบโจทย์ Data Center ระดับโลก

 

ดร.อารีพร มีความเห็นว่า “ตอนนี้ผู้ประกอบการที่จะผลิตไฟฟ้าสีเขียวพร้อม ผู้ซื้ออยากซื้อ แต่ยังไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น รอราคาการเชื่อมต่อสายส่งก่อน ประชาชนทั่วไปก็อยากจะถามว่าแล้วมันจะกระทบกับค่าไฟของประชาชนทั้งประเทศไหม กระทบกับครัวเรือนไหม  กกพ. มีหน้าที่ในการดูแลให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนของคนที่อยู่ในห่วงโซ่ อุปทานไฟฟ้า จะต้องมีการคิดค่าธรรมเนียมในการเชื่อมต่อระบบโครงข่าย รวมถึงค่าบริการอื่น ๆ ให้ไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชนโดยทั่วไป”

 

เสียงสะท้อนนี้สะท้อนสองแรงกดดันคู่ขนาน

 

  • นักลงทุนต่างชาติ ต้องการการันตีว่าไฟที่ใช้เป็น Green จริง ไม่ใช่เพียงไฟจากระบบผสม
  • ประชาชนในประเทศ ต้องการความมั่นใจว่าการเปิดทางให้เอกชนซื้อไฟสะอาดตรงจะไม่ทำให้ค่าไฟครัวเรือนสูงขึ้น

 

ทั้งสองแรงกดดันมาบรรจบที่โต๊ะทำงานของผู้กำกับดูแลอย่าง กกพ. ซึ่งจะต้องออกแบบกติกาที่สร้างสมดุลระหว่าง “การแข่งขันเพื่อดึง FDI” กับ “ความเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟทุกคน”

 

What’s Next for Thailand? เกมยาวของไทย

 

Direct PPA สำคัญต่อ Data Center และอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ ในการบรรลุ Carbon Neutrality และ Net Zero เช่น โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก ยานยนต์ไฟฟ้า หากทำ Direct PPA ได้จริง จะดึงดูด FDI และช่วยให้สินค้าส่งออกไทยผ่านเกณฑ์สิ่งแวดล้อมโลก

 

แต่ในอีกด้าน หากไทยล่าช้า โอกาสนี้อาจถูกคว้าไปโดยประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนที่กำลังแข่งขันดุเดือด ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม

 

Direct PPA คือก้าวสำคัญที่ไทยไม่อาจละเลย เป็นกุญแจสู่เศรษฐกิจอนาคตที่จะดึงดูดการลงทุนดิจิทัล สร้างพลังงานสะอาด และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก หากไทยเดินหน้าถูกทาง Direct PPA จะทำให้เราเป็นศูนย์กลาง Data Center ภูมิภาค และเป็นหลักฐานชัดเจนว่าไทยกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising