×

โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษี ไม่ต้องรอสิ้นปี แนะกลยุทธ์ RMF vs. Thai ESG เลือกซื้อแบบไหนให้คุ้ม

08.10.2025
  • LOADING...
ลดหย่อนภาษี

ก้าวเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 นักลงทุนหลายคนเริ่มมองหาช่องทางการลงทุนที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ แม้ว่าการวางแผนลดหย่อนภาษีที่ดีที่สุดควรทำอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มวางแผนในช่วงปลายปี

 

ดร. รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Morning Wealth ระบุว่า การบริหารจัดการภาษีเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้มีรายได้ประจำ ส่วนเรื่องจังหวะเวลาในการลงทุนนั้น แนะนำว่า เราสามารถทยอยลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถจับจังหวะเวลาการขึ้นลงของตลาดได้อย่างแม่นยำ

 

แม้จะเข้าสู่ช่วงปลายปีแล้ว นักลงทุนก็ยังสามารถเริ่มลงทุนได้ทัน โดยใช้วิธี “ทยอยลงทุน” ซึ่งการทยอยลงทุนนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่เรียกว่า Market Timing Risk และช่วยลดความเสี่ยงด้าน Operational Risk หากรอซื้อในช่วงวันสุดท้ายของปี

 

เปรียบเทียบ RMF กับ Thai ESG กองทุนลดหย่อนภาษีหลักในปัจจุบัน

 

ดร. รัฐศรัณย์ ได้อธิบายถึงกองทุนลดหย่อนภาษีที่นักลงทุนสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) โดยทั้งสองกองทุนนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านวัตถุประสงค์และเงื่อนไข

 

สำหรับ RMF ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การเกษียณโดยเฉพาะ เนื่องจากรัฐบาลมองว่าบางคนอาจมีเงินเกษียณไม่เพียงพอ ด้วยวัตถุประสงค์นี้ RMF จึงกำหนดเงื่อนไขการถือครองที่เข้มงวด คือ ต้องถือไม่น้อยกว่า 5 ปี และสามารถขายคืนได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย ตั้งแต่หุ้นโลก ตราสารหนี้ ไปจนถึงทองคำ

 

อย่างไรก็ตาม กองทุนประเภทนี้จะไม่มีการปันผล เพื่อให้เงินเติบโตอย่างเต็มที่สำหรับการเกษียณ นอกจากนี้ RMF ยังมีเงื่อนไขสำคัญที่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี โดยเว้นได้ไม่เกิน 1 ปี และนักลงทุนมักใช้กลยุทธ์ลงทุนเพียง 1 บาท เพื่อรักษาสิทธิ์ไว้ได้

 

ส่วน Thai ESG ซึ่งเป็นกองทุนที่ออกมาใหม่ มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการลงทุนในหลักทรัพย์ไทยที่เน้นความยั่งยืน (ESG) Thai ESG กำหนดให้ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทยที่เน้น ESG ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ในแง่ของการถือครองนั้น กำหนดไว้ที่ 5 ปีขึ้นไป โดยนับแบบวันชนวัน แต่มีความยืดหยุ่นกว่า RMF คือ ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี และกองทุนประเภทนี้อาจมีการปันผลได้

 

มิติของสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก

 

สำหรับ RMF นั้น เงินลงทุนสูงสุดที่ใช้ลดหย่อนได้คือ ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท แต่วงเงิน 500,000 บาทนี้จะต้องนำไปรวมคำนวณกับสิทธิลดหย่อนอื่น ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) กบข. หรือเบี้ยประกันบำนาญ

 

ในขณะที่ Thai ESG นั้น เป็นก้อนที่แยกออกมาจากวงเงิน 500,000 บาทของ RMF/สิทธิอื่น ๆ อย่างชัดเจน Thai ESG สามารถลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน โดยมีวงเงินสูงสุดถึง 300,000 บาท ซึ่งสิทธินี้จะให้เต็มจำนวนนี้ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569 และหลังจากนั้น (ปี 2570–2575) วงเงินสูงสุดจะเหลือเพียง 100,000 บาท

 

ดังนั้น การลงทุนใน Thai ESG ในช่วงปีนี้และปีหน้าจะได้รับสิทธิลดหย่อนเต็มที่ 300,000 บาท ซึ่งถือว่าน่าสนใจมาก Thai ESG มีระยะเวลาการรับสิทธิ์ลดหย่อนตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2575

 

InnovestX ได้คัดเลือกกองทุนแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีในไตรมาส 4

 

1. กองทุน RMF

 

InnovestX ได้คัดสรรกองทุน RMF มาหลากหลายประเภท เช่น กองทุนหุ้นโลก/สหรัฐฯ ได้แก่ KKP PG RMF-H, KUS 500X RMF, และ B-INNOTECH RMF นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่เน้นเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม คือ Principal VNEQ RMF หรือสำหรับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย InnovestX แนะนำ KKP INF และ UOB GMF-H

 

Top Pick สำหรับ RMF คือ KUS 500X RMF เนื่องจาก InnovestX มองเห็นศักยภาพของหุ้นสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว

 

2. กองทุน Thai ESG

 

Thai ESG เน้นการสนับสนุนการลงทุนในหลักทรัพย์ไทย ที่เน้น ESG กองทุนแนะนำได้แก่ KTNZ Thai ESG เน้นหุ้นไทยขนาดใหญ่ใน SET 100 ที่มีการตั้งเป้า Net Zero, KKP GB Thai ESG เน้นตราสารหนี้ภาครัฐบาลไทย, และ SCBTM เป็นกองทุนผสมไทยยั่งยืน ลงทุนเชิงรุก มีความยืดหยุ่นระหว่างหุ้นและตราสารหนี้

 

Top Pick สำหรับ Thai ESG คือ KKP GB Thai ESG ดร. รัฐศรัณย์ชี้ว่า การเลือกกองทุนตราสารหนี้สำหรับ Thai ESG จะช่วยในการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอให้สมดุล หากนักลงทุนเลือกลงทุน RMF ในรูปแบบหุ้น นอกจากนี้ กองทุนตราสารหนี้ที่แนะนำยังมีค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) ที่ค่อนข้างต่ำ

 

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการความสะดวกในการลงทุนก้อนใหญ่ InnovestX ได้เพิ่มความสะดวกในการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีโดย สามารถใช้บัตรเครดิตตัดซื้อได้ การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตช่วยให้นักลงทุนสามารถสะสมแต้มบัตรเครดิตได้

 

แนะนำอย่ารอซื้อวันสุดท้าย

 

ดร. รัฐศรัณย์ แนะนำนักลงทุนอย่างชัดเจนว่า ไม่ควรซื้อกองทุนในช่วงวันสุดท้ายหรือสัปดาห์สุดท้ายของปี แม้ว่าจะเป็นวันทำการสุดท้ายตามกำหนด แต่ในทางปฏิบัติอาจมีความเสี่ยงที่ธุรกรรมจะเกิดข้อผิดพลาดหรือหลุดสิทธิ์ได้ จึงควรใช้กลยุทธ์การทยอยซื้อตั้งแต่วันนี้ โดยอาจแบ่งเงินลงทุนออกเป็นหลายงวด เช่น แบ่งซื้อทุกวันที่ 7 ของเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม เพื่อลดความเสี่ยงทั้งด้านตลาด (Market Timing) และด้านปฏิบัติการ (Operational Risk)

 

ภาพ: maybeiii / Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising