อัตราเงินเฟ้อไทยติดลบ 6 เดือนต่อเนื่องในเดือนกันยายน โดยลดลง 0.72% YoY พาณิชย์ปรับลดแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อทั้งปีลงเหลือ 0.00% จากเดิมที่ 0.50% มองเงินบาทแข็งค่าทำต้นทุนพลังงานต่ำ ฉุดเงินเฟ้อลง ยันไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก สะท้อนถึงการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ
วันนี้ (6 ตุลาคม) นันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย (Headline CPI) เดือนกันยายน 2568 เท่ากับ 100.11 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.84 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง หรือ ‘ติดลบ’ 0.72% YoY และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลง 0.03% MoM
โดยมาจากปัจจัยหลัก ดังนี้
- การลดลงของราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงตามนโยบายของภาครัฐ และราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง
- ราคาสินค้าสำคัญในกลุ่มอาหารสดยังคงลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด
สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ไม่นับรวมอาหารและพลังงาน พบว่า มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.65% (YoY) แต่ชะลอลงจากเดือนสิงหาคม 2568 ที่สูงขึ้น 0.81% YoY
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ลดลง 0.74% (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ลดลง 0.19% (QoQ)
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ย 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ลดลง 0.01% (AoA)
ยันไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
นันทพงษ์ยืนยันว่า ไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังมีการปรับตัวเป็นบวก สะท้อนถึงการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ นอกจากนี้ ระดับการจ้างงานยังคงปรับตัวคงที่ ตลอดจนการขยายตัวของ GDP ที่ยังคงเป็นบวก แม้เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม นันทพงษ์ระบุว่า แม้จะยังไม่มีสัญญาณของภาวะเงินฝืด แต่ด้วยภาวะของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการชะลอตัว และมีเงินเฟ้อต่ำ การเฝ้าระวังภาวะเงินฝืดจึงเป็นสิ่งจำเป็น
บาทแข็ง ฉุดเงินเฟ้อต่ำ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาผลกระทบของการแข็งค่าของสกุลเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นันทพงษ์ระบุว่า การแข็งค่าของสกุลเงินบาทจะทำให้การนำเข้า สินค้าในหมวดต้นทุนพลังงาน หรือต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มต่ำลง ซึ่งจะฉุดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) ต่ำลงตามไปด้วย
คาดเงินเฟ้อไทย ไตรมาส 4 ใกล้ระดับศูนย์
อย่างไรก็ตาม สนค. คาดการณ์ว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงไตรมาส 4 จะอยู่ใกล้ระดับศูนย์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่
- ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง
- ภาครัฐได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2568 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย
- ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก เป็นผลจากผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งฐานของราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง
- การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น
สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่
- ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อน เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น
อย่างไรก็ดี นันทพงษ์ ระบุว่า แนวโน้มดังกล่าวยังไม่ได้นับรวมผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี เช่น โครงการคนละครึ่ง พลัส รวมถึงการเร่งใช้จ่ายงบประมาณส่วนอื่นๆ
นันทพงษ์คาดว่า การเร่งใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ จะช่วยให้สัญญาณเงินเฟ้อปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สัญญาณดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อในระยะสั้น และไม่ได้ทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวขึ้นมากนัก
ปรับลดเงินเฟ้อทั้งปีลงเหลือ 0.00%
ไม่เพียงเท่านั้น สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ายังได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.0% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะอยู่ระหว่าง 0.0-1.0% (ค่ากลาง 0.5%)
เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในระดับต่ำ ราคาผักสดและผลไม้สดยังต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก รวมทั้งภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง
นอกจากนี้ นันทพงษ์ยังระบุถึงปัจจัยภายนอก ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ตลอดจนราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีระดับราคาต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง การแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาท ซึ่งฉุดให้ราคาพลังงานต่ำลงกว่าเดิม
มองปีหน้า เงินเฟ้อยังต่ำ
สำหรับแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อในปีต่อไป นันทพงษ์คาดการณ์ว่า ภาวะเงินเฟ้อของไทยจะไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก เพราะราคาสินค้าในหมวดพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 29% ของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ยังมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากกลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นในปีต่อไป
เงินเฟ้อไทยรั้งบ๊วยอาเซียน 2 เดือนติด
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนสิงหาคม 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.79%YoY อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 9 จาก 140 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข และต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 9 ประเทศที่ประกาศตัวเลข ดังนี้ บรูไน, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และสปป.ลาว
- 🇹🇭ไทย -0.79%
- 🇧🇳บรูไน -0.4%
- 🇸🇬สิงคโปร์ 0.5%
- 🇲🇾มาเลเซีย 1.3%
- 🇵🇭ฟิลิปปินส์ 1.5%
- 🇰🇭กัมพูชา 1.79%
- 🇮🇩อินโดนีเซีย 2.31%
- 🇻🇳เวียดนาม 3.24%
- 🇱🇦สปป.ลาว 5.0%