วันนี้ (6 ตุลาคม) ที่ศาลจังหวัดราชบุรี ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ สวอ1/2567 ที่พนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด (จำเลยที่ 1) โดย ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี (จำเลยที่ 2) ในความผิดฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ, พ.ร.บ.ป่าไม้, ประมวลกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.น้ำบาดาล
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้, ประมวลกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.น้ำบาดาล โดยมีคำสั่งลงโทษดังนี้:
- บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด (จำเลยที่ 1): ถูกปรับรวม 60,000 บาท
- ปารีณา ไกรคุปต์ (จำเลยที่ 2): จำคุกรวม 4 ปี 1 เดือน
ศาลได้มีคำสั่งให้จำเลยทั้งสอง และบริวาร ออกจากป่าและที่ดินของรัฐที่เกิดเหตุทันที และให้ร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำบาดาล รวมถึงอุดและกลบหลุมบ่อน้ำบาดาล
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกและยึดถือครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี (ป่าเขาสน) ใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี รวม 4 แปลง เนื้อที่ 681 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา โดยได้มีการก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ บ้านพัก และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล
อย่างไรก็ตาม ศาลได้พิเคราะห์จากพยานหลักฐาน โดยเฉพาะคำเบิกความของผู้เชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายทางอากาศและพยานโจทก์ ว่า:
- ที่ดินพิพาทมีบุคคลเข้าครอบครองทำประโยชน์มาก่อน ตั้งแต่ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะเข้าครอบครองต่อจากทวี ไกรคุปต์ บิดาของจำเลยที่ 2
- โจทก์ ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้บุกรุก ก่อสร้าง หรือทำลายป่าตั้งแต่แรกเริ่ม
- ศาลจึง ยกฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือทำลายป่าตั้งแต่เริ่มแรก
แต่ ศาลเห็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐาน ร่วมกันยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และ ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากที่ดินยังเป็นป่าตามนิยามของกฎหมาย แม้จำเลยจะครอบครองตามแบบ ภ.บ.ท.5 ซึ่งไม่ใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ นอกจากนี้ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหา ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาลในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลจึงลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานยึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต (ซึ่งเป็นบทหนักสุด) และฐานประกอบกิจการน้ำบาดาลฯ เมื่อรวมทุกกระทงความผิดและลดโทษกึ่งหนึ่ง เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาในบางข้อหา จึงมีคำสั่ง จำคุก ปารีณา ไกรคุปต์ รวม 4 ปี 1 เดือน และปรับจำเลยที่ 1 รวม 60,000 บาท
ภายหลังการอ่านคำพิพากษา ปารีณา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวต่อศาล ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ประกันตัว โดยกำหนดหลักประกันเป็นเงิน 1 ล้านบาท