×

นายกฯอนุทิน ลงพื้นที่บุรีรัมย์ ฟังเสียงชาวบ้านชายแดน ยืนยันไม่เปิดด่าน เตรียมโอนเยียวยา 5,000 บาทต่อครัวเรือน ภายในสัปดาห์หน้า

โดย THE STANDARD TEAM
04.10.2025
  • LOADING...
นายกฯอนุทิน ลงพื้นที่ บุรีรัมย์ ฟังเสียงชาวบ้านชายแดน ยืนยันไม่เปิดด่าน เตรียมโอนเยียวยา 5,000 บาทต่อครัวเรือน ภายในสัปดาห์หน้า

วันนี้ (4 ตุลาคม) เวลา 14.00 น. อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, ศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
 
รวมถึง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.อ. ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา รองเสนาธิการทหาร, พล.อ. ศราวุธ จันทร์พุ่ม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา, พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่สอง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และคณะ ลงพื้นที่เทศบาลตลาดนิคมปราสาท ตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อพบปะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา และรับฟังปัญหา รวมถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่
 
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) 140 นาย และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) 380 นาย ตั้งแถวรอให้การต้อนรับ จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทักทายประชาชนในพื้นที่ และรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนจากปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งกล่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 3 อำเภอ และมีศูนย์อพยพหลัก 1 แห่งคือสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต รวมถึงศูนย์อพยพอื่นๆ โดยมียอดผู้อพยพจำนวน 75,867 คน จังหวัดบุรีรัมย์จึงได้ช่วยเหลือเยียวยาผู้รับผลกระทบ สัตว์เลี้ยง บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งสิ้นกว่า 42 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีจำนวน 39,666 ครัวเรือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 198 ล้านบาท
 
ด้านชาวบ้านจากเขตในพื้นที่ชายแดนไทย กัมพูชา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะ ที่ได้มอบสิ่งของและอุปกรณ์หลุมหลบภัย ให้กับผู้นำทุกหมู่บ้าน เพื่อที่จะทำหลุมหลบภัยให้กับราษฎรในพื้นที่ ให้ได้หลบวิถีกระสุนลูกปืนใหญ่ ของกัมพูชาในวันที่ 24 -28 กรกฎาคม ให้สามารถหลบวิถีกระสุนด้วยความปลอดภัย
 
ราษฎรส่วนใหญ่ได้อพยพไปยังศูนย์อพยพในจังหวัดบุรีรัมย์ บางส่วนต้องอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน และอีกสิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านอยากจะสะท้อนไปถึงนายกรัฐมนตรีคือในระยะเวลา 4 เดือน ที่ท่านมีอำนาจตัดสินใจ อยากให้ท่านช่วยดูแล ชายแดนให้เรียบร้อย เพื่อที่ชาวบ้านจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ซึ่งตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะทำได้ เพราะถ้าท่านทำได้นายกฯคนต่อไปคือนายอนุทินชาญวีรกูล อย่างแน่นอน
 
ขณะที่ ตัวแทนประชาชนอีกคน กล่าวว่า ชาวบ้านชายแดนลำบากมากในช่วงนี้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือ อพยพ เนื่องจากคนชายแดนไม่สามารถไปทำมาหากินได้ และสงครามในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างสูง ทำให้ค่าใช้จ่ายกับรายรับไม่สมดุลกัน ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของการเปิด-ปิดด่าน ซึ่งตนได้มีการพิจารณาและสอบถามในพื้นที่แล้ว ว่าการปิดด่านถาวรจะดีหรือไม่ ผลปรากฏว่าประชาชนทุกคนให้ปิดด่าน ไม่ต้องไปอาศัยกัมพูชา ทำให้ได้รับเสียงเฮจากประชาชนที่มาร่วมงานวันนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ปรบมือด้วย
 
นอกจากนี้ ยังได้ยินว่านายกรัฐมนตรีจะทำกำแพงกั้นระหว่างไทยกัมพูชา ตนขอบอกว่าถ้าทำได้ก็ทำเลย ไม่ให้มีรู แม้กระทั่งกระต่ายมา ก็ไม่ให้ลอด กระต่ายเข้ามายิงทิ้งให้หมด ถ้าทำกำแพงแล้วมีประตูจะมีคนแง้ม ฉะนั้นไม่ต้องให้มี ถ้าอยากให้มีการเปิดด่านต้องให้มีความสงบเรียบร้อย เขตทุกเขตและทุกด่าน ให้มันเรียบร้อยสะอาดและเป็นของเราเสียก่อน แล้วค่อยมาเปิดทีหลัง
 
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นพูดคุยกับพี่น้องประชาชนต่อ พร้อมมอบนโยบายแนวทางการเยียวยาและการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน โดยระบุว่า สวัสดีพี่น้องชาวอำเภอละหานทราย บ้านกรวด และเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ตนขออนุญาตไม่ขึ้นเวที เพราะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ต้องอยู่ต่ำกว่าพี่น้องประชาชน ทุกคนเป็นเจ้านาย เป็นคนที่มีพระคุณให้พวกเราได้มาทำงาน วันนี้รัฐมนตรีหลายคนอยากจะมาเจอกับพ่อแม่พี่น้อง เพราะทราบดีว่าช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เกิดความขลุกขลักในพื้นที่
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนที่มาวันนี้คือคนที่จะมารับใช้พี่น้องประชาชน ช่วงที่เราเป็นรัฐบาลเราจะทำเพื่อพี่น้องอย่างเต็มที่ ให้ความทุกข์ของพี่น้องคลายไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนในยามที่บ้านเมืองมีภัยคุกคาม ทางการขอให้อพยพในที่ที่ปลอดภัย ซึ่งเราทราบดีว่าไม่มีใครอยากออกจากบ้านตัวเอง แต่เราก็ไม่อยากให้ทหารต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพื่อที่เขาจะได้ปกป้องผืนแผ่นดิน และแนวชายแดนของเรา ถ้าทหารห่วงหน้าพะวงหลังก็จะทำงานไม่สะดวก แต่ถ้าไม่ต้องห่วงจะได้สู้รบตบมือกับข้าศึกอย่างเต็มที่
 
นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงรัฐบาลที่แล้วซึ่งขณะนี้พ้นหน้าที่ไปแล้ว และรัฐบาลนี้ได้เข้ามาดูแลพี่น้องประชาชน ตอนนั้นตนดูแลตามมีตามเกิดตามน้ำใจที่มีอยู่ ซึ่งพี่น้องประชาชนได้รับความสะดวกสบายพอสมควร มีของจากคนไทยทั่วประเทศหลั่งไหลมาช่วย เราไม่ได้ลำบากอะไรถึงขั้นต้องไปรับของบริจาค แต่พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ พอทราบว่าพ่อแม่พี่น้องชาวบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงต้องอพยพไปอยู่ตามศูนย์ประสบภัย ก็เกิดความเป็นห่วงทยอยส่งทั้งของสดของแห้งเครื่องอุปโภคบริโภคมาให้
 
วันนี้สิ่งที่ตนนำมาด้วย คือของที่คนไทยทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เอามาให้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องทหาร และขอเสียงปรบมือดังๆให้กำลังใจกับพลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เพราะเราฝากประเทศไทยฝากดินแดนไทยไว้กับท่าน เราต้องให้กำลังใจท่าน ก่อนนายกรัฐมนตรีตะโกนว่า “วีระยุทธสู้ๆ” ถึง 3 ครั้ง
 
“วีระแปลว่าชนะ วีระยุทธแปลว่ารบชนะ และผมเองนามสกุลชาญวีรกูล มีคำว่าวีระ จึงขอแปลว่าตระกูลที่เชี่ยวชาญ แต่ชัยชนะก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นวีระกับวีระอยู่ด้วยกันบุรีรัมย์ก็ต้องเป็นวีระรัมย์เหมือนกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า พี่น้องชาวบุรีรัมย์ทุกคนมี สส. ที่มีคุณภาพเมื่อมีทุกข์มีภัยเราจะเร่งส่งข่าวบอกถึงกัน หลังจากนั้นสส. จะประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือถึงพ่อแม่พี่น้องโดยเร็วที่สุด ตนไม่อยากจะคุยช่วงเดือนกว่าๆที่แล้ว พวกเรายังไม่ได้เป็นรัฐบาลเราเปิดศูนย์อพยพได้รวดเร็วมาก แต่เราหวังว่าสิ่งเหล่านี้อย่าให้เกิดขึ้นอีกเลย แต่ถ้าจำเป็นต้องเกิดก็ขอยืนยันว่าเรามีความพร้อม เพราะวันนี้พวกเราทุกคนเข้ามาดูแลรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลแล้ว ความช่วยเหลือต่างๆก็จะมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
 
“มีคุณลุงมาทวงค่าเยียวยา อาทิตย์หน้าก็มาเอาแล้วกัน อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยืนโชว์ตัวหน่อย ถ้าใครไม่ได้ก็ไปเช็กบัญชีกับเขาเอา กระทรวงการคลังได้โอนเงินเยียวยาให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยจากการต่อสู้ และจำเป็นต้องอพยพออกไปยังศูนย์อพยพครัวเรือนละ 5,000 บาท ย้ำว่าสัปดาห์หน้าเงินจะถึงมือพ่อแม่พี่น้องทุกครัวเรือน ถ้าใครยังไม่ได้ลงทะเบียนให้รีบไปแจ้งกับทางนายอำเภอ หรือแจ้งกับทางสส.ของท่าน ถ้ายังไม่ได้ก็ให้เขาสำรองไปก่อนไม่เป็นไร แต่ถ้าได้แล้วก็อย่าลืมเอาเงินไปคืนเขา“ นายกรัฐมนตรี กล่าว
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้โชคดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับนายกรัฐมนตรี เป็นคนเดียวกันทำให้ทำงานได้สะดวก ขอให้ทุกคนสบายใจ และมั่นใจว่าถ้าจากนี้ไปมีเรื่องอะไรที่พ่อแม่พี่น้องมีความสุข พวกเราทุกคนจะเร่งประสานงานเพื่อรับใช้ท่านอย่างเต็มที่ แล้วอย่าลืมว่าภายในเดือนนี้อย่าลืมไปลงทะเบียนคนละครึ่ง ใช้วันละ 200 บาท เท่ากับพ่อแม่พี่น้องไปใช้จ่าย 200 ซื้อของได้ 400 สิทธิ์ตรงนี้มีไว้ให้กับพ่อแม่พี่น้องทุกคน เพื่อทำให้การจับจ่ายใช้สอยมีความสะดวกยิ่งขึ้น และมีการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ ทุกคนชนะกันหมดไม่ใช่ว่าเอาเงิน 10,000 บาทมาจ่าย บางทีเรามีหนี้ 10,000 บาท เจ้าหนี้ก็มารอตั้งแต่ตู้เอทีเอ็ม และให้ถอนออกมาเลย ดังนั้น เมื่อมีโครงการคนละครึ่งแล้วก็ให้ช่วยกันใช้ ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายชนะกันหมดนี่คือเจตนารมณ์ของรัฐบาล
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการลดหนี้อีก 100,000 บาท ซึ่งกระทรวงการคลังเสนอมาแล้ว เพื่อที่เราจะดูแลคุณภาพชีวิตของพ่อแม่พี่น้องให้ความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องความมั่นคงพวกเราเชื่อมั่นฝีมือฝ่ายทหารอยู่แล้ว เราต้องใจเย็นๆอย่าไปกดดันกองทัพ คนที่เป็นทหารทราบดีว่าไม่มีทางยินยอมเสียดินแดนเป็นอันขาดเขาไม่มีวันยอม เราจึงต้องให้ความเชื่อมั่นเขา สิ่งที่เราให้กับทหารได้คือความร่วมมือ ส่วนของตนที่เป็นนายกรัฐมนตรี จะปิดด่านจนกว่าเราจะชนะใช่หรือไม่
 
“ผมอยากได้มือไม่อยากได้ตีน เพราะกว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ฝ่าดงตีนมาเยอะแล้ว พอแล้ว อยากได้มือมาลูบหัวลูบหน้าให้กำลังใจ เป็นอันว่าเรามีสัญญากันรัฐบาลจะฟังเสียงพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนมาให้ปิดด่านรัฐบาลก็จะไม่เปิดจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ก่อนที่เราจะทำอะไรเราจะถามพ่อแม่พี่น้องประชาชนขอเป็นฉันทานุมัติ เรื่องความรักชาติตัดสินใจเองไม่ได้ต้องให้คนในชาติเป็นผู้ร่วมตัดสินใจ“ นายกรัฐมนตรี กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising