งานวิจัยชิ้นใหม่จากสถาบัน Institute for Family Studies (IFS) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ชาวอเมริกันกำลังมีเพศสัมพันธ์ในปริมาณที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ หรือที่เรียกกันว่า ‘ภาวะเซ็กซ์ถดถอย’ (Sex Recession) ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สร้างความกังวลให้กับนักสังคมวิทยาและนักจิตวิทยามานานหลายทศวรรษ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดของ General Social Survey ที่เก็บรวบรวมในปี 2024 พบว่ามีชาวอเมริกันอายุ 18-64 ปี เพียง 37% เท่านั้นที่ระบุว่ามีเพศสัมพันธ์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมากจาก 55% ในปี 1990 และสำหรับกลุ่มคนหนุ่มสาวอายุ 18-29 ปี สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วงขึ้นไปอีก
โดยเกือบหนึ่งในสี่ หรือ 24% ของคนในกลุ่มวัยนี้ระบุว่าพวกเขาไม่มีเพศสัมพันธ์เลยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2010 และที่สำคัญคือแนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนโสด แต่ยังรวมถึงคนที่แต่งงานแล้วและครอบคลุมทุกรสนิยมทางเพศ ซึ่งบ่งชี้ว่านี่คือ ‘วิกฤต’ ที่เกิดขึ้นในวงกว้าง
สาเหตุของปรากฏการณ์นี้มีความซับซ้อนและเกิดจากหลายปัจจัยที่สั่งสมมานาน ไม่ว่าจะเป็นอัตราการแต่งงานและการอยู่ร่วมกันที่ลดลง ไปจนถึงการเสพติดหน้าจอที่ทำให้เราจ้องมองโทรศัพท์แทนที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่อยู่ข้างๆ ซึ่ง แบรด วิลค็อกซ์ นักวิจัยอาวุโสของ IFS เรียกพฤติกรรมนี้ว่า Bedrotting หรือการนอนแช่อยู่บนเตียงกับหน้าจอ
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่าสังคมกำลังเผชิญกับ ‘ภาวะหมดไฟหลังการระบาดใหญ่’ (post-postpandemic malaise) ผู้คนกำลังดิ้นรนที่จะสร้างชีวิตสังคมขึ้นมาใหม่, จัดการสมดุลระหว่างชีวิตการทำงาน และรับมือกับความรู้สึกไม่แน่นอนต่อสถานการณ์โลกที่เพิ่มสูงขึ้น
จัสติน การ์เซีย ผู้อำนวยการสถาบัน Kinsey Institute กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าคุณเหนื่อยล้าและว้าวุ่นใจ คืนนี้คุณจะอยากมีเพศสัมพันธ์ไหมล่ะ? แน่นอนว่าไม่!” ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะทางจิตใจที่ส่งผลโดยตรงต่อความต้องการทางเพศ
จากการพูดคุยกับผู้คนทั่วไป หลายคนยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์น้อยลงด้วยเหตุผลคลาสสิกอย่างความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูก, ปัญหาความสัมพันธ์หรืออายุที่มากขึ้น แต่ก็มีเหตุผลใหม่ๆ ที่สะท้อนยุคสมัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ, ความเครียดจากข่าวสาร หรือการเสพติดหน้าจอ
สำหรับคนโสด การออกเดทในปัจจุบันก็กลายเป็นเรื่องที่ทั้งแพงและน่าผิดหวังเกินไป อูเนควู ยาคูบู นักชีวเคมีวัย 35 ปี เล่าว่าเธอหมดไฟกับการออกเดทและเลือกที่จะหันไปให้ความสำคัญกับอาชีพการงานและชีวิตสังคมแทน “สิ่งเหล่านี้ส่งผลดีต่อสุขภาวะทางอารมณ์ของฉันได้ทันทีและชัดเจนกว่า” เธอกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่าเราไม่ควรปล่อยให้ชีวิตเซ็กซ์เหี่ยวเฉาไป เพราะการมีเพศสัมพันธ์ส่งผลดีต่อ ‘สุขภาพ’ ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน, การลดความเครียด, ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น และที่สำคัญคือช่วยเชื่อมความสัมพันธ์กับคู่รักให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
มิเชล ดรูอิน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก Purdue University ได้ให้คำแนะนำที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า “สิ่งแรกที่คุณควรจะสัมผัสเมื่อล้มตัวลงนอนควรจะเป็นคู่รักของคุณ ไม่ใช่โทรศัพท์ของคุณ” ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ความสำคัญกับคนข้างกายมากกว่าโลกดิจิทัล
ลอรี มินต์ซ (Laurie Mintz) นักจิตวิทยาและนักบำบัดทางเพศวัย 65 ปี เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวว่าเธอเองก็เคยผ่านช่วงเวลาที่หมดไฟจากความเครียดเรื่องงานและครอบครัวจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ แต่สิ่งที่เธอทำคือการตัดสินใจจัดลำดับความสำคัญของเซ็กซ์ให้กลับมาเป็นเรื่องสำคัญอีกครั้ง
เธอกล่าวทิ้งท้ายด้วยประโยคที่น่าคิดว่า “เซ็กซ์ก็เหมือนกับการไปออกกำลังกาย บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกไม่อยากทำ แต่หลังจากที่ทำไปแล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นเสมอ” ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าการลงทุนในความสัมพันธ์ทางกายนั้นก็คือการลงทุนในความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเราเอง
ภาพ: nelo2309 / Shutterstock
อ้างอิง: