×

รังสิมันต์ชี้ รัฐบาลควรเร่งปราบหัวขบวนสแกมเมอร์ จ่อเชิญอนุทิน-คนในรัฐบาลเข้าแจง กมธ.

โดย THE STANDARD TEAM
01.10.2025
  • LOADING...
คอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (1 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่า มีผู้ติดต่อเสนอเงินให้เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์หลอกลวง

 

รังสิมันต์กล่าวว่า ไชยชนกไม่ควรเงียบ เพราะการเงียบเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลที่นำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีดีอี ไม่เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จึงควรใช้โอกาสในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก 

 

รังสิมันต์ระบุว่า สิ่งที่ได้อภิปรายในวันแถลงนโยบาย เป็นการฉายภาพให้เห็นนายหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย รวมถึงยังมีความสนิทกับ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเชื่อว่า ร.อ. ธรรมนัสเป็นพยานปากสำคัญในการให้ข้อมูล จึงต้องดูเส้นทางการเงิน เพื่อนำไปสู่การปราบปรามหัวขบวนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

 

“หากหัวขบวนถูกทำลาย องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติก็จะถูกทำลายเช่นกัน หากจะหวังแค่ปราบปรามในเรื่องบัญชีม้า หรือจับตัวเล็กตัวน้อย ก็จะแก้ปัญหาไม่จบ ผมนำข้อมูลมาป้อนขนาดนี้แล้วว่ามีหัวขบวนสำคัญเป็นใครบ้าง ก็ควรจะเร่งทำงานในเรื่องนี้” รังสิมันต์กล่าว

 

ส่วนเชื่อว่า ผู้ที่เสนอเงินเดือนละ 40 ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มเล็กหรือไม่ รังสิมันต์กล่าวว่า คงไม่ใช่ โดยธรรมชาติของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นเครือข่ายที่มีหลายคน และหากติดสินบนจริง คงไม่ใช่แค่รัฐมนตรีคนเดียวแน่นอน อาจจะมีเงินถึงหมื่นล้านเพื่อติดสินบนในส่วนอื่น ควรถือโอกาสในการปราบปรามและเล็งไปที่หัวขบวนต้นตอที่เป็นปัญหา และไปถึงรากที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่น เช่น บริษัทใหญ่ที่มีความพยายามฮุบหุ้นบริษัทไทย ต้องไปดูว่าเป็นเงินของกระบวนการของคอลเซ็นเตอร์หรือไม่

 

รังสิมันต์กล่าวด้วยว่า เมื่อวานนี้ (30 กันยายน) ได้อภิปรายในเรื่องดังกล่าว แต่ ร.อ. ธรรมนัสก็หายจากบนบัลลังก์ แต่มาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษที่รัฐสภาได้ ซึ่งหมายความว่าอยู่ในสภาฯ แต่ไม่ได้มาชี้แจงในที่ประชุม เช่นเดียวกับอนุทินก็หายตัวไปในเวลาดังกล่าว คิดว่าอย่าทำให้เหมือนว่ารู้เรื่องนี้กับเขาด้วย หากบริสุทธิ์ใจและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้ใช้อำนาจรัฐในการปกป้อง เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ นายหน้าชาวแอฟริกาใต้ ต้องสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้

 

รังสิมันต์มองว่า เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่ารัฐมนตรีดีอีจะชี้แจง ต้องดูเส้นทางการเงินมีหน่วยงาน อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรื่องนี้ไม่ใช่คดีแค่ภายในประเทศ หากเป็นเรื่องจริง ถือเป็นเรื่องระดับโลก เพราะเรากำลังเห็นปรากฏการณ์ที่กลุ่มทุนแก๊งคอลเซนเตอร์นำเงินนับแสนล้านบาทมายึดชาติของเรา 

 

“เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด และเรื่องนี้จะส่งผลดีในการทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้น เพราะผู้มีอำนาจของกัมพูชารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งเศรษฐกิจการค้าปกติ ตราบใดที่เงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เยอะขนาดนี้ประเทศไทยควรจัดการให้เร็วที่สุด และคนที่ควรจัดการมากที่สุดคือเบนจามิน” รังสิมันต์กล่าว 

 

รังสิมันต์กล่าวว่า หากรัฐมนตรีดีอีไม่ทำอะไร ก็อาจผิดกฎหมายด้วย เบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ (2 ตุลาคม) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ และได้เชิญอนุทินที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งมาชี้แจง และหวังว่าจะให้ความร่วมมือ

 

“เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องลับ ทุกคนรู้จักกันหมด ก็แปลกดีที่ทุกคนพากันเงียบขนาดนี้ เรื่องนี้คือเรื่องเร่งด่วน” รังสิมันต์ระบุ

 

ส่วนจะมีการเชิญ ร.อ. ธรรมนัส มาชี้แจงหรือไม่ รังสิมันต์กล่าวว่า เดี๋ยวมีอีกหลายรอบ และมีข้อมูลว่า ร.อ. ธรรมนัส มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ขอเอาหน่วยงานตัวตั้งต้นก่อน และสาเหตุที่ต้องเชิญอนุทิน เพราะต้องดูหัวก่อน ถ้าหัวไม่ขยับก็ยากต้องดูท่าทีของอนุทินว่าจะเป็นแบบไหนหากต้องการเอาจริงเรื่องนี้ก็จะแก้โดยง่าย กรรมาธิการฯ ก็อาจจะไม่ต้องออกแรงมากเกินไป

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising