Microsoft บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ชื่อดังของสหรัฐฯ ตัดสินใจยุติการให้บริการชุดหนึ่งแก่ กองทัพอิสราเอล หลังการสอบสวนพบว่าอิสราเอลกำลังใช้เทคโนโลยี Cloud Computing ของบริษัทในการสอดแนมชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก
แบรด สมิธ (Brad Smith) ประธานบริษัท Microsoft เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านบล็อกของบริษัทว่า Microsoft ได้ “ยุติและปิดใช้งานบริการชุดหนึ่งให้แก่หน่วยงานหนึ่งภายในกระทรวงกลาโหมอิสราเอล”
การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการสอบสวนโดยหนังสือพิมพ์ The Guardian และนิตยสาร +972 ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีรายงานว่าหน่วยข่าวกรองทางทหารของอิสราเอล หรือที่รู้จักกันในชื่อหน่วย 8200 (Unit 8200) ได้ใช้ Microsoft Azure แพลตฟอร์ม Cloud Computing ของบริษัท ในการจัดเก็บข้อมูลการโทรศัพท์หลายล้านสาย ที่ชาวปาเลสไตน์โทรออกในพื้นที่ฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์ที่อิสราเอลยึดครอง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม Microsoft ประกาศว่า ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว และยืนยันว่าบริษัทไม่ได้จัดหาเทคโนโลยี “เพื่ออำนวยความสะดวกในการสอดแนมพลเรือนจำนวนมาก” ซึ่งเป็นหลักการที่ Microsoft นำไปใช้ในทุกประเทศทั่วโลก
ขณะที่ Microsoft ระบุว่าการตรวจสอบมุ่งเน้นไปที่บันทึกทางธุรกิจ งบการเงิน เอกสารภายใน และบันทึกอื่นๆ โดยไม่ได้เข้าถึงเนื้อหาของข้อมูลที่จัดเก็บไว้
ซึ่งในระหว่างการสอบสวน บริษัทระบุว่าพบหลักฐานที่สนับสนุนองค์ประกอบในการสืบสวนจากสำนักข่าวต่างๆ ซึ่งรวมถึง “การใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล Azure ของอิสราเอลในเนเธอร์แลนด์ และการใช้บริการ AI”
โดย Microsoft ได้แจ้งอิสราเอลเกี่ยวกับการตัดสินใจยุติและปิดใช้งานการสมัครสมาชิกและบริการบางส่วนแก่กระทรวงกลาโหมอิสราเอล รวมถึงการใช้บริการ Cloud Storage และ AI” ขณะที่บริษัทยังคงดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิสราเอลยืนยันว่า การยุติให้บริการดังกล่าว “ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ต่อขีดความสามารถในการปฏิบัติงานของกองกำลังป้องกันอิสราเอล”
ภาพ: Reuters / Mike Segar / Files / File Photo
อ้างอิง:
