วันนี้ (25 กันยายน) สุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (ผอ.สปภ.กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าการอุดอุโมงค์บริเวณถนนสามเสนที่ทรุดเพื่อป้องกันดินสไลด์
โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้เริ่มเทปูนลงไปในช่องโหว่ที่เป็นรอยรั่วแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแรงให้แนวกระสอบทรายที่ทิ้งลงไปก่อนหน้านี้ โดยจะเทปูนให้สูงขึ้นจากแนวกระสอบทรายอีก 50 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร เพื่อป้องกันดินสไลด์เพิ่มเติม
เวลา 16.30 น. มีการขนปูนมาแล้ว 8-10 เที่ยว รวมปริมาณกว่า 5 ลูกบาศก์เมตร จากที่ บริษัท ช.การช่าง สั่งไว้เบื้องต้น 500 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งคาดว่าจะมีการประเมินและสั่งเพิ่มตามความจำเป็น โดยปูนจะใช้เวลาเซตตัวประมาณ 12 ชั่วโมง และทางเจ้าหน้าที่จะเร่งปิดรอยรั่วทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง
หลังจากนั้นจะนำทรายมาถมให้พื้นผิวกลับมาเท่าระดับเดิม โดยคาดว่าจะใช้ทรายประมาณ 7,000 ลูกบาศก์เมตร และใช้เวลากว่า 3-4 วัน
สุริยชัยกล่าวว่า แม้จะพบปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ก็มีการปรับแผนการทำงานอยู่ตลอด และได้ขอบคุณบริษัท ช.การช่าง ที่ช่วยแก้ปัญหาอย่างเต็มที่โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แต่ให้ความสำคัญกับประโยชน์สาธารณะ
พร้อมยืนยันว่าถึงแม้การเทปูนจะทำให้ดินอ่อนสไลด์ลงมาบ้าง แต่ยังเป็นความเสี่ยงที่ควบคุมได้ เนื่องจากตัวอาคารข้างเคียงยังอยู่ในสภาพปกติ ไม่พบรอยแตกร้าว และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนกรณีหากเกิดฝนตกหนัก
สุริยชัยกล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมด้านการระบายน้ำไว้แล้ว โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 5 จุด บริเวณโดยรอบ ตามคำสั่งของ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร
ในช่วงบ่าย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ และสุเทพ เอื้อปกรณ์ รองผู้ว่าการการประปานครหลวง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่มีน้ำรั่วซึมบนถนนสามเสนขาเข้า ใกล้โรงเรียนวัดจันทรสโมสร หลังจากที่เจ้าหน้าที่การประปานครหลวงได้เข้าซ่อมแซมแล้ว
ชัชชาติเปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากประชาชนจึงรีบเข้ามาตรวจสอบ ยืนยันว่าจุดนี้ไม่เหมือนกับกรณีถนนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลที่มีโพรงลึก แต่เป็นเพียงการทรุดตัวของพื้นผิวถนนชั้นบนที่มีช่องว่างเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้ถนนยุบตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณประชาชนที่แจ้งข้อมูล และจะให้สำนักโยธาใช้เครื่องเรดาร์สำรวจโพรงใต้ดินเพิ่มเติมบนถนนสามเสน เพื่อดำเนินการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ด้านสุเทพ เอื้อปกรณ์ รองผู้ว่าการการประปานครหลวง กล่าวว่า สาเหตุที่น้ำรั่วซึมเกิดจากการปรับระบบการจ่ายน้ำ เนื่องจากท่อบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเสียหาย จึงต้องเพิ่มแรงดันน้ำในระบบเดิม ทำให้แรงดันในท่อเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วสูงขึ้นจนเกิดการรั่วซึม
ทั้งนี้ จากการขุดลงไปไม่พบโพรงใต้ดิน และได้ทำการอุดหน้าจานท่อเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่มีน้ำรั่วซึมบนถนนอีกต่อไป
ด้านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าเหตุถนนทรุด โดยเปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับภาคเอกชนและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะสามารถปิดหลุมลึกและคืนผิวจราจรได้ภายใน 14 วัน
พิพัฒน์ระบุว่า ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้ดินสไลด์เพิ่มเติม โดยมีการนำกระสอบทรายมาอุดรอยรั่วและเทคอนกรีตทับ ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาใน 1-2 วันนี้ ก็จะช่วยให้การแก้ปัญหารวดเร็วยิ่งขึ้น แต่หากเกิดดินสไลด์ ทางสภาวิศวกรรมจะเข้ามาตรวจสอบทันที โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายมหาวิทยาลัยมาร่วมประเมินและแก้ไขปัญหาในส่วนนี้แล้ว
รองนายกฯ พิพัฒน์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก โดยได้กำชับให้ทุกโครงการก่อสร้างลงไปตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด พร้อมหารือกับสภาวิศวกรรมเพื่อเชิญนักวิชาการจากญี่ปุ่นมาร่วมประเมินแนวทางการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันอีกในอนาคต
สำหรับบริษัทผู้รับเหมา พิพัฒน์กล่าวว่า กำลังรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาอยู่ในขณะนี้ และจะต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้งถึงแนวทางหลังจากนี้