×

ชัยชนะที่มองไม่เห็นในสนามแข่งของ วิลเลียมส์ เรซซิง

23.09.2025
  • LOADING...
williams-f1-success-james-vowles-strategy

วิลเลียมส์ เรซซิ่ง เก็บแต้มไปแล้ว 101 คะแนน หลังผ่าน 17 จาก 24 สนาม ของฤดูกาล 2025 รั้งอันดับที่ 5 ของ ตารางคะแนนประเภททีมผู้ผลิต โดยเป็นรองเพียงแค่ 4 ทีมใหญ่อย่าง แม็คลาเรน, เมอร์ซีเดส, เฟอร์รารี และ เรดบูลล์ เรซซิ่ง เพียงเท่านั้น

 

หากนั่นว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่ วิลเลียมส์ เรซซิ่ง ทำสถิติที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นอีกมากมายในปีนี้ อาทิ การกระโดดจากตำแหน่งรองบ๊วยในปีก่อน กระโดดขึ้นมารั้งที่ 5 ในตอนนี้, การมีแต้มไปแล้ว 101 คะแนน มากกว่า 7 ฤดูกาลก่อนหน้ารวมกัน, การขึ้นโพเดียมครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 และอีกมากมาย

 

สถิติทั้งหมดล้วนแต่บอกว่า วิลเลียมส์ เดินหน้ามาอย่างถูกต้อง ภายใต้การนำของ เจมส์ วาวล์ส ทีมบอสที่พลิกโฉมทีมเก่าแก่ทีมนี้ให้กลายเป็นทีมที่มีศักยภาพน่าดูชม

 

ในตอนแรก เมื่อได้ข่าวว่า อเล็กซ์ อัลบอน จะได้โอกาสกลับมาสู่ F1 อีกครั้ง กับทีมวิลเลียมส์ ในฐานะแฟนชาวไทยที่เอาใจช่วย ยังกังขาว่าอเล็กซ์จะไปได้ไกลขนาดไหน ในทีมสภาพแบบนั้น

 

แต่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและประสิทธิภาพเบื้องหลังความสำเร็จของทีมภายใต้การนำทัพของ วาวล์ส ที่เข้ามาในปี 2023 ทำให้ทีมทีมนี้ ดูเป็นทีม F1 ที่มีอนาคตขึ้นเรื่อยๆ และในปี 2025 นี้ เราก็ได้เห็น วิลเลียมส์ พัฒนาแบบก้าวกระโดดในที่สุด

 

เบื้องหลังความสำเร็จของวิลเลียมส์ อาจจะมีปัจจัยแวดล้อมมากมาย แต่หนึ่งในปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงทีม การกล้าที่จะตัดสินใจและเปลี่ยนแปลง

 

วาวล์ส ย้ำว่าทีมยังคงมีหนทางอีกยาวไกล และความสำเร็จล่าสุดเป็นเพียงสัญญาณว่าทีม “กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างช้าๆ” ไม่ใช่การพลิกโฉมแบบทันทีทันใด 

 

เขาได้เปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่รถมีน้ำหนักมากเกินไป, มีชิ้นส่วนอะไหล่ไม่เพียงพอ และไม่สามารถนำแนวคิดทางเทคนิคต่างๆ มาทำให้เกิดขึ้นจริงได้

 

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในช่วง 24 เดือนที่ผ่านมาคือการแก้ไขกระบวนการทำงานพื้นฐาน

 

วาวล์ส ปรับปรุงกระบวนการตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน และทีมได้มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อให้สามารถส่งมอบชิ้นส่วนจากคอนเซปต์ ไปสู่การใช้งานจริงให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องมีความเหมาะสมกับต้นทุนที่ทีมจะใช้ไปด้วย

 

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดในปีนี้คือ รถแข่งถูกสร้างเสร็จตรงเวลา, มีชิ้นส่วนอะไหล่สำรองมากมาย และทีมสามารถพัฒนาชุดอัปเกรดได้หลายครั้งตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากประวัติศาสตร์ของ วิลเลียมส์ ในช่วงหลังอย่างสิ้นเชิง

 

วาวล์ส ยังสั่งให้มีการ เลิกใช้ Excel Spreadsheet ในการติดตามชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและล้าสมัย โดยปัจจุบัน ทีมได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องมือที่ทันสมัยอย่าง ERP (Enterprise Resource Planning) และ PLM (Product Lifecycle Management) ในการออกแบบและสร้างรถยนต์

 

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่างการตั้ง KPIs ภายในที่คนภายนอกอาจไม่เห็น แต่ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่าโรงงานสามารถออกแบบและผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ได้มากขึ้นในแต่ละสัปดาห์

 

ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ทีม มีเงินเหลือมากขึ้นภายใต้เพดานงบประมาณการทำทีมในแต่ละปี เพื่อนำไปใช้สร้างและแก้ไขส่วนอื่นๆ ขององค์กรต่อไป

 

การร่างระบบทั้งหมดของวาวล์ส เห็นผลอย่างชัดเจน เมื่อทีมต้องมีการอัปเกรดรถ ก่อนการแข่งขันที่สปา ในศึกเบลเยียมกรังด์ปรีซ์ 

 

แม้ว่า วิลเลียมส์ จะเริ่มต้นฤดูกาล 2025 ได้อย่างยอดเยี่ยมและดูเหมือนจะสามารถคว้าอันดับ 5 ในตารางคะแนนสะสมได้อย่างแน่นอน แต่การที่ทีมตัดสินใจหันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนารถสำหรับปี 2026 ก่อนทีมอื่น ทำให้คู่แข่งอย่าง คิก เซาเบอร์ และ แอสตัน มาร์ติน เริ่มทำผลงานไล่ตามมาทัน

 

การหันเหความสนใจดังกล่าว ทำให้ทีมเก็บได้เพียง 8 คะแนน จาก 5 สนาม ก่อนเข้าสู่เบลเยียมกรังด์ปรีซ์ ที่สปา

 

นั่นเองเป็นจุดที่ เจมส์ วาวล์ส ตัดสินใจอัปเกรดครั้งสำคัญซึ่งทำให้ทีมกลับมาเก็ตามได้อย่างน่าประทับใจหลังจากนั้นอีกครั้ง และนำมาสู่โพเดียมในสนามล่าสุด

 

ที่ สปา วิลเลียมส์ มีการอัปเกรด พื้นรถและไซด์พอด ที่ออกแบบใหม่ และชิ้นส่วนเหล่านั้นก็ได้แสดงผลลัพธ์ในทันที โดย อเล็กซ์ อัลบอน และ คาร์ลอส ไซน์ซ สามารถเก็บคะแนนรวมกันได้ถึง 11 คะแนน ช่วยหยุดยั้งแนวโน้มผลงานที่กำลังถดถอยของทีมได้สำเร็จ

 

อย่างไรก็ตาม เจมส์ วาวล์ส มองว่าประโยชน์ที่แท้จริงของการอัปเกรดครั้งนี้ไม่ใช่แค่คะแนนในสนาม แต่มันคือ บทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าแผนการปรับโครงสร้างของทีมกำลังได้ผล

 

วาวล์ส เปิดเผยว่า การอัปเกรดครั้งนี้จริงๆ แล้วมีกำหนดการสำหรับสนามซานด์ฟอร์ต ไม่ใช่ที่สปา การที่ทีมสามารถนำชิ้นส่วนใหม่มาใช้ได้ก่อนกำหนด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการลดระยะเวลาตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงการนำมาใช้ในสนามจริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ทีมก็เคยทำปีกหน้า สำหรับสนามที่สเปนได้เร็วกว่ากำหนดเช่นกัน

 

ที่ยอดเยี่ยมคือ การตัดสินใจอัปเกรดดังกล่าว ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี มีการยอมรับความเสี่ยงอย่างมีกลยุทธ์ โดยทีมนำชิ้นส่วนอัปเกรดชุดใหม่มาเพียง 3 ชุด สำหรับสุดสัปดาห์การแข่งขันที่เป็น สปรินต์เรซ และมีฝนตกที่สปา ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก แต่สุดท้ายมันก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและช่วยผลักดันองค์กรไปในทิศทางที่ควรจะเป็น

 

อเล็กซ์ อัลบอน ก็ได้ยืนยันถึงความสำคัญของการอัปเกรดครั้งนี้ว่า “เราสังเกตเห็นว่าเรากำลังอันดับตกลงเรื่อยๆ ในขณะที่ทีมอื่นเริ่มอัปเกรดรถ ปีนี้มีความพิเศษตรงที่ทุกทีมกลางตารางที่นำการอัปเกรดมาใช้ มันได้ผลทั้งหมด” 

 

เขากล่าวว่าในอดีต วิลเลียมส์ อาจจะรอดไปได้เพราะการอัปเกรดของคู่แข่งไม่เวิร์ก แต่ปีนี้ไม่ใช่แบบนั้น เพราะทีมต้องการการอัปเกรดครั้งนี้เพื่อกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง

 

หากกล่าวโดยสรุป อาจพูดได้ว่า ความยอดเยี่ยมของ วิลเลียมส์ ในปัจจุบันไม่ได้มาจากความมหัศจรรย์ในสนามแข่ง แต่มาจาก การปฏิรูปกระบวนการทำงานภายในอย่างเป็นระบบ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ และการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน 

 

ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกเจมส์ วาวล์ส สร้างขึ้นอย่างเป็นระบบ และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าในการแข่งขัน แต่มันก็กลายเป็นรากฐานที่มั่นคงให้กับทีมในปัจจุบัน และอาจจะต่อยอดไปสู่อนาคต เพื่อที่ทีมจะกลับมาเป็นมหาอำนาจในวงการ F1 ได้อีกครั้ง

 

อ้างอิง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising