วิจัยกรุงศรีมอง การเมืองนิ่งประกอบกับนโยบายเศรษฐกิจมีความต่อเนื่อง มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวยังคงท้าทาย
วันนี้ (23 กันยายน) วิจัยกรุงศรีประเมินว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น กับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่มีความต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยสำคัญช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยสามารถหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) ได้ แม้ GDP ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อาจหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) แต่คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อย (QoQ) ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
โดยในกรณีฐาน วิจัยกรุงศรี คาดการณ์ว่า GDP ทั้งปี 2568 จะขยายตัวที่ 2.1% อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตยังมีข้อจำกัด โดยคาดว่า GDP ในช่วงครึ่งหลังของปีจะขยายตัวเพียง 1.3% YoY ชะลอลงจาก 3.0% YoY ในช่วงครึ่งแรกของปี หลังการเร่งส่งออกล่วงหน้า (Front-Loading) มีแนวโน้มลดลง
วิจัยกรุงศรียังระบุว่า “ล่าสุดรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เบื้องต้นมีการเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะถือเป็น ‘วันแรก’ ของการบริหารประเทศอย่างเป็นทางการภายใต้กรอบเวลาเพียง 4 เดือนก่อนจะประกาศยุบสภาฯเพื่อกำหนดการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลชุดนี้จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่ามีศักยภาพเพียงใดในการสร้างความต่อเนื่องด้านนโยบายและการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ”
การเมืองนิ่ง-นโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง แต่ GDP ยังคงท้าทาย
ทั้งนี้ แม้วิจัยกรุงศรีจะประเมินเบื้องต้นว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจน และนโยบายภาครัฐที่มีความต่อเนื่องจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยได้ในระดับหนึ่งก็ตาม แต่แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวยังคงเผชิญความท้าทาย
โดยภาคการส่งออกยังคงได้รับแรงกดดันจากผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้า หลังจากที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นสู่ระดับ 19% ในเดือนสิงหาคม รวมถึงแนวโน้มการเร่งส่งออกล่วงหน้า (Front-Loading) ที่ชะลอลง ซึ่งจะยังเป็นความท้าทายต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะถัดไป
ท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้น เหตุตลาดจีนหด
วิจัยกรุงศรียังระบุว่า ภาคท่องเที่ยวไทยกำลังเผชิญการแข่งขันแรงขึ้นในภูมิภาค ดังนั้น การฟื้นตัวในช่วงที่เหลือยังเผชิญความท้าทาย
โดยในเดือนสิงหาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 2.58 ล้านคน หดตัว -12.8% YoY สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.19 แสนล้านบาท ลดลง -13.4% ทำให้ในช่วง 8 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 21.9 ล้านคน ลดลง -7.2% YoY สร้างรายได้ 1.01 ล้านล้านบาท ลดลง -8.7%
วิจัยกรุงศรียังเปิดเผยว่า สาเหตุการท่องเที่ยวของไทยยังคงฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ เนื่องจากตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนสิงหาคม มีนักท่องเที่ยวจีนเพียง 0.4 ล้านคน ลดลง -37.7% YoY และในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีเพียง 3.1 ล้านคน ลดลง -35.3% YoY หรือคิดเป็นเพียงประมาณ 40% ของระดับในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19
แนะฟื้นภาพลักษณ์ รับมือเชิงรุก
วิจัยกรุงศรีชี้ว่า ไทยกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน จากภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยที่แย่ลง ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกจุดหมายปลายทางไปยังประเทศอื่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม
ซึ่งในช่วง 8 เดือนแรกของปี เวียดนามสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้ถึง 3.5 ล้านคน สูงกว่าไทยอย่างมีนัยสำคัญ และสูงกว่ามาเลเซียที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น หากไม่มีมาตรการเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น ภาคท่องเที่ยวไทยจะยังคงเผชิญความท้าทายสูงต่อไปในช่วงที่เหลือของปี และสูญเสียบทบาทในฐานะเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลัก (Growth Engine) ของประเทศไป