ผ่านไป 6 เดือนแล้วหลังจาก นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก ประกอบด้วย นายยงค์ โดดเครือ, นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ รวม 4 คน ถูกจับระหว่างเข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
โดยเจ้าหน้าที่จับกุมคณะนายเปรมชัยพร้อมของกลางอาวุธปืนและซากสัตว์ป่าได้เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิดจากสื่อมวลชนและสังคมถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย ซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ผู้รับสัมปทานโครงการต่างๆ ของรัฐมากมาย
กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการจับตาและกดดันจากสังคม จนในที่สุดอัยการสั่งฟ้องนายเปรมชัยและพวกต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ
THE STANDARD ลำดับเหตุการณ์การต่อสู้คดีของนายเปรมชัยและพวกเพื่อให้เห็นถึงเทคนิคทางกฎหมายที่ทีมทนายความของจำเลยใช้ประวิงเวลาในการพิจารณาคดี โดยทนายจำเลยใช้เทคนิคทางกฎหมายขอเลื่อนนัดศาลถึง 3 ครั้ง โดยเหตุผลมีตั้งแต่ยังไม่แต่งตั้งทนายให้กับจำเลยที่ 2-4 รวมถึงอ้างว่าทนายจำเลยบางคนไม่ว่าง ติดว่าความคดีอื่น จนล่าสุดมีการขอให้โอนคดีจากศาลจังหวัดทองผาภูมิไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ให้ความเห็นกับ THE STANDARD ถึงความแตกต่างระหว่างศาลจังหวัดทองผาภูมิกับศาลอาญาคดีทุจริตฯ ว่าศาลอาญาคดีทุจริตฯ จะใช้ระบบไต่สวน ศาลสามารถหาพยานหลักฐานในคดีมาพิสูจน์ได้เอง
ขณะที่ศาลปกติจะใช้ระบบสืบพยาน โดยโจทก์และจำเลยมีภาระที่จะต้องพิสูจน์ ซึ่งในปัจจุบันศาลจะกำหนดวันนัดสืบพยานที่ชัดเจน ทำให้คดีมีความรวดเร็วขึ้น
รองอธิบดีอัยการมองว่าเป็นเทคนิคปกติของทนายความในการประวิงเวลาตั้งแต่การขอเลื่อนในครั้งแรกๆ โดยอ้างว่ายังไม่แต่งตั้งทนายไปจนถึงการพยายามขอโอนย้ายคดีไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่ออาจจะหวังให้สังคมลืม แต่เชื่อว่าสังคมคงไม่ลืม เพราะมีการติดตามทวงถามความคืบหน้ากันอยู่ตลอด