ฝรั่งเศสกำลังถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็น ‘อิตาลีคนใหม่’ ของยุโรป หลังจากหลายทศวรรษที่ผ่านมา อิตาลีถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่วันนี้ฝรั่งเศสกลับเผชิญความไม่แน่นอนมากกว่าเดิม
ปัญหาหลักของฝรั่งเศสมาจากความขัดแย้งทางการเมืองและงบประมาณปี 2026 ที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ขณะที่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีบ่อยครั้งยิ่งทำให้เกิดคำถามว่าฝรั่งเศสกำลังซ้ำรอยอิตาลีหรือไม่
ข้อมูลจาก Nomura ระบุว่าหนี้สาธารณะของฝรั่งเศสในปี 2024 อยู่ที่ 113% ของ GDP ขณะที่อิตาลีสูงกว่าที่ 135% แต่เมื่อตัดสินจากตัวเลขขาดดุลงบประมาณกลับตรงกันข้าม อิตาลีขาดดุลเพียง 3.4% ของ GDP ขณะที่ฝรั่งเศสสูงถึง 5.8% ทำให้สถานะการคลังของฝรั่งเศสถูกมองว่าเปราะบางกว่า
นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส François Bayrou ได้เรียกประชุมโหวตไว้วางใจในวันที่ 8 กันยายน เพื่อผลักดันงบประมาณปี 2026 ที่มีมาตรการตัดลดรายจ่ายถึง 4.4 หมื่นล้านยูโร (ราว 5.13 หมื่นล้านดอลลาร์) เป้าหมายคือกดดันตัวเลขขาดดุลลงเหลือ 4.6% ภายในปี 2026 แม้ยังสูงเกินเกณฑ์ของสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้ไม่เกิน 3% ก็ตาม
Bayrou ยอมรับว่า ตอนนี้ร้ายแรงและเร่งด่วน หากรัฐบาลของเขาพ่ายแพ้ในการโหวตครั้งนี้ก็จะเป็นการล่มสลายของรัฐบาลชุดใหม่ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี และฝรั่งเศสจะต้องหานายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในรอบไม่ถึง 2 ปี โดยประธานาธิบดี Emmanuel Macron จะเป็นผู้แต่งตั้ง
ความจริงแล้วอิตาลีเคยตกอยู่ในภาวะการเมืองวุ่นวายคล้ายกันมานานหลายสิบปี แต่ตั้งแต่ Giorgia Meloni เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2022 ประเทศก็เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และกำลังค่อยๆ กู้สถานะทางการคลังกลับคืน ต่างจากฝรั่งเศสที่ยังหาทางออกไม่ได้
ทั้งฝรั่งเศสและอิตาลีต่างถูกจัดอยู่ภายใต้กระบวนการ ‘Excessive Deficit Procedure’ ของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่บังคับให้ประเทศสมาชิกต้องควบคุมหนี้สาธารณะไม่เกิน 60% ของ GDP และขาดดุลไม่เกิน 3% แต่ Nomura มองว่า อิตาลีมีทิศทางการปรับปรุงที่ชัดเจน ขณะที่ฝรั่งเศสยังไม่เห็นสัญญาณบวก
สิ่งที่ทำให้ปัญหาซับซ้อนยิ่งขึ้นคือความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลางกับพรรคฝ่ายค้านทั้งฝ่ายซ้าย (พันธมิตร New Popular Front) และฝ่ายขวา (พรรค National Rally) ที่ไม่ยอมสนับสนุนงบประมาณใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการตัดรายจ่าย การขึ้นภาษี หรือแม้แต่ข้อเสนอให้ ยกเลิกวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2 วัน ก็ถูกต่อต้านอย่างหนัก
Nomura คาดว่าหากรัฐบาล Bayrou พังลงจริง งบประมาณปี 2025 จะถูกแช่แข็งไว้ ทำให้การขาดดุลในปี 2026 อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และทำให้ความยั่งยืนทางการคลังของฝรั่งเศสเป็นปัญหาหนัก
Eurasia Group วิเคราะห์ว่าการโหวตครั้งนี้เป็นเดิมพันที่ Bayrou แทบไม่มีวันชนะ โดย Macron อาจเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่จากพันธมิตรสายกลางหรือขวากลาง เช่น รัฐมนตรีกลาโหม Sébastien Lecornu, รัฐมนตรียุติธรรม Gerald Darmanin หรือรัฐมนตรีการคลัง Eric Lombard
ความไม่แน่นอนดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงิน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลฝรั่งเศสอายุ 30 ปีพุ่งทะลุ 4.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพการเมืองและการคลัง
ภาพ: Artindo/ Getty Images
อ้างอิง: