วันนี้ (26 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเปิดโอกาสให้รอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบกว่า 1 ชั่วโมง ว่า มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง หนึ่งในนั้น คือ เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา โดยไทยยืนยันจุดยืนว่าจะรักษาอธิปไตย รักษาสันติ แก้ปัญหาด้วยวิธีการพูดคุยผ่านกลไกทวิภาคี หลีกเลี่ยงความรุนแรง และสู้กันด้วยความจริง แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงโดยง่าย เพราะจะจบลงได้ ต้องยึดหลักที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
ภูมิธรรมยังกล่าวอีกว่า ทูตสหรัฐอเมริกาได้ขอบคุณไทยที่ดูแลสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ หรือสภาคองเกรสที่เดินทางมาเมื่อวาน และลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีในวันนี้ เนื่องจากอยากให้เห็นพื้นที่จริงทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่าใครอยากเข้าสู่สันติภาพมากที่สุด และในวันพรุ่งนี้ตนจะพบกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เช่นกัน
ภูมิธรรมยังเปิดเผยด้วยว่า ท่าทีของทูตสหรัฐฯพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเราก็ได้ขอบคุณที่ริเริ่มทำให้เกิดการพูดคุย และเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังได้บอกให้ทราบว่าทูตทหารอาเซียนก็ทำหน้าที่พอสมควร เพราะหลังมีการประชุม GBC เพียง 10 วัน ก็สามารถตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ขึ้นมาได้ และขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ก่อนจะรายงานไปยัง คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) และ GBC ช่วงวันที่ 8-10 กันยายนนี้ และภายหลังจากการหารือ ทูตสหรัฐฯจะนำข้อเท็จจริงรายงานไปยัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทันที
นอกจากนี้ ทูตสหรัฐฯ ยังได้แสดงความเสียใจต่อกรณีพลเรือนไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชายแดน พร้อมย้ำความตั้งใจของสหรัฐฯ ที่จะสนับสนุนการหยุดยิงอย่างมีประสิทธิผล
ภูมิธรรมเปิดเผยด้วยว่า มีการหารือเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (27 สิงหาคม) รอเบิร์ตจะได้พบกับ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อลงรายละเอียดต่างๆ และพูดคุยถึงความร่วมมือต่างๆ ที่อยากจะมีร่วมกันมากขึ้น ซึ่งปลายปีนี้จะมีโอกาสพบผู้นำระดับสูงก็จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกันให้ก้าวขึ้นไป
ซึ่งส่วนตัวได้ขอบคุณโดนัลด์ ทรัมป์ที่ได้พูดทางโทรศัพท์ถึง 2 รอบ และท่านได้บอกว่าจะมาเมืองไทย ก็หวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับการเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีทรัมป์ในเร็วๆ นี้ รวมถึงรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งจะเป็นการเยือนไทยครั้งแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรอบ 13 ปี เพื่อที่จะได้เข้าใจรากฐานวัฒนธรรม และความเป็นประเทศของเรามากขึ้น