×

แข่งคนไม่ใช่คน! ‘โอลิมปิกหุ่นยนต์’ ความฝันอันยิ่งใหญ่ของจีน และสัญญาณความปราชัยของ Tesla

25.08.2025
  • LOADING...
โอลิมปิกหุ่นยนต์ จีน Tesla

HIGHLIGHTS

  • ปักกิ่ง จัดการแข่งขันWorld Humanoid Robot Games หรือที่หลายคนเปรียบเปรยว่าเป็น ‘โอลิมปิกหุ่นยนต์’ โดยมีฮิวแมนนอยด์ จำนวนมากกว่า 500 ตัวร่วมชิงชัยความเป็นหนึ่งกัน ในกีฬา 3 ประเภทได้แก่ วิ่งแข่ง 1,500 เมตร, มวย และฟุตบอล
  • หนึ่งในรายการที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือการแข่งขันวิ่ง 1,500 เมตร ที่เป็นไฮไลต์ในวันแรกของการแข่งเลย ผลปรากฏว่าหุ่นที่คว้าชัยชนะได้เหรียญทองคือหุ่นรุ่น H1 จากทีม ‘Unitree’ ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาหุ่นฮิวแมนนอยด์จากประเทศจีน ที่ตั้งอยู่ในเมืองหังโจว
  • อีลอน มัสก์ เคยประกาศว่าต้องการที่จะสร้างหุ่นของพวกเขาให้ได้มากถึง 5,000 ตัวภายในปี 2025 นี้ แต่ผ่านมาแล้ว 8 เดือน Tesla ประสบปัญหาอย่างมากในการพัฒนาและสร้างหุ่น Optimus ที่ทุกอย่างล่าช้าไปกว่ากำหนด จนถึงตอนนี้มีการผลิตหุ่นออกมาได้เพียงจำนวนแค่ ‘หลักร้อย’ เท่านั้น
  • ลึกๆแล้วนี่คือการประกาศศักดาของจีน ที่บอกกับโลกทั้งใบว่าพวกเขานี่แหละคือผู้ที่จะเป็นผู้นำตัวจริงของเกมอุตสาหกรรมที่มีมูลค่านับ ‘ล้านล้าน’ ที่พร้อมแล้วสำหรับการท้าชนกับหุ่นทั้งโลก รวมถึง Optimus ของ Tesla ด้วย 

ภาพของเจ้าหุ่นกระป๋องที่วิ่งไปตามลู่วิ่งอย่างจริงจังจนชวนให้คิดว่าเอ๊ะ! นี่มันคือภาพเอไอหรือเปล่า? แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือภาพการแข่งขันของหุ่นยนต์ที่เกิดขึ้นจริงๆ

 

การแข่งขันนั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘World Humanoid Robot Games’ จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันถึง 192 ทีมจาก 88 ประเทศทั่วโลก เพื่อชิงชัย 26 เหรียญทอง

 

แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าความสนุกสนานจากการแข่งขันคือสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของการแข่งขันในครั้งนี้ของจีน กับข้อความที่พวกเขาต้องการส่งบอกต่อให้คนทั้งโลกได้รู้ถึงความก้าวล้ำของเทคโนโลยีหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ หรือที่เรียกว่า ‘ฮิวแมนนอยด์’ (Humanoid) 

 

ว่าในเรื่องของหุ่นยนต์แล้วผู้พัฒนาจากจีนพร้อมท้าชนกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ ‘Opimus’ ของ Tesla ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกก่อนหน้านี้

 

เพราะนี่คือเดิมพันมหาศาลที่จีนหวังจะเป็นหนึ่งในใต้หล้าให้ได้

 

การแข่งขันของคนเหล็ก

ถ้าเอ่ยถึงสนามกีฬาในกรุงปักกิ่งแล้วใครก็คิดถึง ‘สนามรังนก’ (Bird nest stadium) สุดยอดสนามกีฬาระดับตำนานที่เคยจัดการแข่งขันโอลิมปิก 2008 และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนทั้งโลกมาแล้ว

 

แต่เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการแข่งขันกีฬาอีกรายการที่ไม่ได้จัดขึ้นที่สนามรังนกแต่ก็สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนทั้งโลกเหมือนกัน ซึ่งรายการที่ว่าคือ World Humanoid Robot Games หรือที่หลายคนเปรียบเปรยว่าเป็น ‘โอลิมปิกหุ่นยนต์’  

 

รายการนี้ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้เป็นมนุษย์แต่เป็นหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์หรือฮิวแมนนอยด์ จำนวนมากกว่า 500 ตัวซึ่งมาจากทีมนักพัฒนากว่า 192 ทีมจาก 88 ประเทศทั่วโลกที่พัฒนาหุ่นเหล็กในแบบของตัวเองเพื่อเข้าร่วมชิงชัยความเป็นหนึ่งกัน ในกีฬา 3 ประเภทได้แก่ วิ่งแข่ง 1,500 เมตร, มวย และฟุตบอล

 

ตลอด 3 วันของการแข่งขันเต็มไปด้วยความเร้าใจผสมผสานกับเสียงหัวเราะ เพราะถึงแม้จะได้เห็นความมหัศจรรย์ในการเคลื่อนไหวของเหล่าฮิวแมนนอยด์ที่คล้ายมนุษย์จริงๆเข้าไปทุกที แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ได้เห็นมุมขำขันเมื่อเจ้าหุ่นกระป๋องเกิดล้มคว่ำล้มหงายในขณะวิ่ง บางตัวถึงขั้นแขนหลุดขาหลุด 

 

หรือในการแข่งฟุตบอลที่แทบไม่ได้เห็นการโชว์ลีลาทักษะการเลี้ยงบอลหรือยิงประตูแบบซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเลย เพราะมันดูเหมือนรักบี้ที่ใช้ความแข็งแกร่งเคลื่อนไหวไถและชนไปให้เข้าประตู ผ่านการบังคับของเจ้าของที่ควบคุมผ่านจอยสติ๊กอยู่ข้างสนาม

 

ไหนจะการแข่งขันชกมวย (แต่มีเตะด้วยนะ!) ที่เหมือนถอดแบบจากหนังเรื่อง ‘Real Steel’ เพียงแต่การเคลื่อนไหวยังคล่องและว่องไวอะไรขนาดนั้น

 

แต่ถ้าคิดถึงว่านี่เป็นเพียงก้าวแรก

 

มันก็เป็นก้าวแรกที่มีอะไรมากกว่าแค่การจับเอาหุ่นกระป๋องมาแข่งขันแน่นอน

 

ภาพ : Lintao Zhang / Getty Images

 

เหรียญทองของจีน

ในการแข่งขันหลากหลายรายการที่มีจำนวนเหรียญทองรวมกันถึง 26 เหรียญนั้น หนึ่งในรายการที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือการแข่งขันวิ่ง 1,500 เมตร ที่เป็นไฮไลต์ในวันแรกของการแข่งเลย

 

ผลปรากฏว่าหุ่นที่คว้าชัยชนะได้เหรียญทองคือหุ่นรุ่น H1 จากทีม ‘Unitree’ ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาหุ่นฮิวแมนนอยด์จากประเทศจีน ที่ตั้งอยู่ในเมืองหังโจว โดยเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกได้ด้วยเวลา 6 นาที 35 วินาที

 

ชัยชนะและเหรียญทองนี้ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ในเชิงของกีฬาอย่างเดียว (แน่ละแข่งกีฬาไม่มีใครอยากแพ้) เพราะชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าคือการประกาศศักดาให้แก่คนทั้งโลกได้รู้ถึงความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการสร้างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ของจีนที่กำลังทิ้งห่างชาติอื่นไปไกล

 

โดยที่ส่วนสำคัญนั้นมาจากการผลักดันแบบสุดตัวของรัฐบาลจีนที่ทุ่มงบประมาณมหาศาลมากกว่า 1 ล้านล้านหยวน (4.5 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนภาคส่วนต่างๆที่จะมีส่วนในการช่วยเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์ หรือบริษัทที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะใช้ในการควบคุมและสั่งการหุ่น

 

รัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งเริ่มต้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ปี 2023 ยังให้การสนับสนุนด้วยผ่านการอุดหนุนบริษัทเหล่านี้ โดยมีการจัดซื้อจัดจ้างมูลค่าถึง 247 ล้านหยวน (960 ล้านบาท) ในปี 2024 ซึ่งมากกว่าในปี 2023 ที่มียอดการจัดซื้อจัดจ้างแค่ 4.7 ล้านหยวน (21 ล้านบาท) หลายเท่าและคาดว่าตัวเลขในปี 2025 จะยิ่งสูงขึ้นอีกมาก

 

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนในการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เหล่านักพัฒนาได้โชว์ศักยภาพและเกิดการพัฒนาร่วมกันของวงการ ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในงาน โดยก่อนหน้างานแข่งกีฬาที่เหมือนโอลิมปิกของเหล่าหุ่นยนต์ได้มีการจัดการแข่งวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่ประเทศจีนมาก่อนแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งมีหุ่นที่เข้าร่วมมากถึง 20 ตัว และมีผู้เข้าร่วมงานกวา 20,000 คน

 

โดยนักวิเคราะห์มองว่าอุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์มีโอกาสที่จะเป็นไม้เด็ดของจีนในแบบเดียวกับที่สามารถผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นทางเลือกในตลาดได้อย่างน่าจับตามอง

 

เหรียญทองที่ได้จากการแข่งขันจึงเป็นเหมือนรางวัลตอบแทนความพยายามของจีนในเกมที่ไม่ใช่กีฬา

 

ความก้าวหน้าของฮิวแมนนอยด์

คำถามที่น่าสนใจคือฮิวแมนนอยด์ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมากเพียงไหน?

 

มองจากการแข่งขันของเหล่าเจ้าหุ่นกระป๋องที่กรุงปักกิ่งที่เพิ่งจบลงไปแล้วต้องบอกว่าฮิวแมนนอยด์มีความก้าวหน้าไปมากพอสมควร จากการที่สามารถพัฒนาให้หุ่นสามารถแข่งขันกีฬาของมนุษย์ซึ่งต้องใช้การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน ถึงแม้ว่าจะยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบมากก็ตาม

 

อีกทั้งในการแข่งขันก็ไม่ได้มีเพียงแค่การแข่งในเชิงของกีฬา แต่มีการแข่งขันในเรื่องของการวัดขีดความสามารถของหุ่นยนต์ในด้านงานบริการ เช่น การทำความสะอาด, การขนย้ายวัสดุ หรือการคัดแยกยา ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ถูกนำไปพัฒนาเพื่อใช้งานจริงในอนาคตไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรม หรือในการรับใช้มนุษย์ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการพัฒนา

 

เจนเซน ฮวง (Jensen Huang) ซีอีโอแห่ง NVIDIA ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมจุดกระแสการพัฒนาหุ่นฮิวแมนนอยด์ด้วยการเปิดตัว ISAAC GR00T N1 ซึ่งเป็น Open Humanoid Robot Foundation Model ตัวแรกของโลกที่จะทำให้การพัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วได้ทำนายเอาไว้ว่าเราอาจได้เห็นหุ่นยนต์ในสังคมโลกในอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า

 

โดยเวลานี้นอกจากหุ่นจากจีนที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแล้วยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังเดินหน้าในโปรเจ็คต์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Softbank กับหุ่น NAO และ Pepper, Boston Dynamics กับหุ่น Atlas, Agility Robotics กับหุ่น DIGIT

 

และยักษ์ใหญ่ที่เคยสร้างความฮือฮามาก่อนอย่าง Tesla กับ Tesla Bot หรือในอีกชื่อว่า ‘Optimus’

 

ภาพ: should read / Feature China / Future Publishing via Getty Images


Tesla กับปัญหาใหญ่

ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคมปีกลาย Tesla สร้างความตื่นตะลึงด้วยการเปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์แบบตัวจริงหลังอย่าง Optimus หลังจากที่มีการเปิดเผยครั้งแรกตั้งแต่ปี 2022 

 

Optimus เป็นหุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทั้งในโรงงาน Giga Factory ของ Tesla เองและจะสามารถใช้ในครัวเรือนได้ด้วยในการทำงานบ้านต่างๆ เช่น การทำงานบ้าน การดูแลเด็ก ไปจนถึงการใช้หยิบสิ่งของ ซึ่งจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้แก่โลกมนุษย์เลยทีเดียว

 

อีลอน มัสก์ เคยประกาศว่าต้องการที่จะสร้างหุ่นของพวกเขาให้ได้มากถึง 5,000 ตัวภายในปี 2025 นี้ แต่ผ่านมาแล้ว 8 เดือน Tesla ประสบปัญหาอย่างมากในการพัฒนาและสร้างหุ่น Optimus ที่ทุกอย่างล่าช้าไปกว่ากำหนด จนถึงตอนนี้มีการผลิตหุ่นออกมาได้เพียงจำนวนแค่ ‘หลักร้อย’ เท่านั้น 

 

มัสก์ ได้แจ้งต่อนักลงทุนในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าการพัฒนาหุ่น Optimus 3 จะไม่เริ่มจนกว่าจะถึงปีหน้า “เราพยายามที่จะเร่งกระบวนการผลิต Optimus ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และอยากจะผลิตให้ได้ในหลักล้านตัวโดยเร็วที่สุด เราคิดว่าเราจะสามารถทำได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นั่นเป็นความปทะเยอทะยานบนหลักการและเหตุผล”

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Tesla ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีการคาดกันว่าเกิดจากปัญหา ‘คอขวด’ ในไลน์การผลิต, การเปลี่ยนแปลงผู้นำในตัวโครงการ ไปจนถึงปัญหาความท้าทายทางเทคนิคซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการชะลอตัวของการพัฒนา และอาจจะบีบให้พวกเขาต้องเลื่อนกำหนดการในโครงการออกไป

 

โดยเฉพาะในเรื่องการลาออกของ มิลาน โควัช (Milan Kovac) รองประธานฝ่ายวิศวกรรมและหัวหน้าของโปรแกรม Optimus ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ Tesla ได้ฟ้องร้องต่อบริษัทสตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์ที่ก่อตั้งโดยอดีตลูกจ้างของพวกเขาเองว่าได้จารกรรมข้อมูลความลับชั้นสุดยอดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหุ่ยนต์

 

แน่นอนว่าข่าวเหล่านี้ไม่เป็นผลดีเลยสำหรับ Tesla ที่เคยประเมินว่า Optimus อาจจะช่วยทำให้มูลค่าของบริษัททะยานไปสูงถึง 25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (810 ล้านล้านบาท) ในอนาคต

 

เป้าหมายที่แท้จริงในอนาคต

ถึงแม้การจับเจ้าหุ่นมาลงแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งฟุตบอล ปิงปอง และกรีฑา ไปจนถึงกีฬาที่ไม่ใช่กีฬาแต่วัดความสามารถของหุ่นยนต์ เช่น การทำความสะอาด, การขนย้ายวัสดุ หรือการคัดแยกยาจะเป็นเหมือนการแข่งขันการพัฒนาและแสดงให้เห็นถึงความก้าวล้ำของเทคโนโลยีหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ หรือที่เรียกว่า ‘ฮิวแมนนอยด์’ (Humanoid) 

 

แต่ลึกๆแล้วนี่คือการประกาศศักดาของจีน ที่บอกกับโลกทั้งใบว่าพวกเขานี่แหละคือผู้ที่จะเป็นผู้นำตัวจริงของเกมอุตสาหกรรมที่มีมูลค่านับ ‘ล้านล้าน’ ที่พร้อมแล้วสำหรับการท้าชนกับหุ่นทั้งโลก รวมถึง Optimus ของ Tesla ด้วย 

 

โดยที่พวกเขาได้เปรียบในเรื่องของ ‘ต้นทุน’ เพราะ Optimus ในเวลานี้มีต้นทุนราว 50,000-60,000 ดอลลาร์ (1.6-1.9 ล้านบาท) ขณะที่ต้นทุนของจีนภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่แค่เพียง 35,000 ดอลลาร์ (1.1 ล้านบาท) และภายในปี 2030 จะลดลงมาเหลือแค่ 17,000 ดอลลาร์ (5.5 แสนบาท) ซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้สำหรับทุกคน

 

หวัง ชิงชิง (Wang Xingxing) ซีอีโอของ Unitree เจ้าของหุ่นที่ได้เหรียญทอง ซึ่งเคยเข้าร่วมในการประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ร่วมกับเหล่านักพัฒนาระดับแนวหน้าของประเทศจีน แจ็ค หม่า และผู้บริหารระดับสูงของ Alibaba เมื่อต้นปีที่ผ่านมามองว่าก้าวที่ผ่านไปไม่ต่างอะไรจากก้าวแรกๆก่อนจะมี ChatGPT 

 

“มันเหมือนกับเรากำลังอยู่ในช่วง 1-3 ปีก่อนจะมี ChatGPT” หวังกล่าว “ในวันนึงที่ปัญญาประดิษฐ์ที่จำเป็นสำหรับการสร้างหุ่นที่เหมือนกับมนุษย์พร้อม ปักกิ่งก็อยากจะอยู่แถวหน้าและคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ได้”

 

เพราะคำว่าแถวหน้าและโอกาสครั้งนี้คือเดิมพันมูลค่ามหาศาลในระดับล้านล้านและสามารถพลิกโฉมโลกได้อีกครั้ง

 

โดยที่หากคืนนี้เราเผลอหลับตาด้วยความเหนื่อยล้าไปสักครู่ เช้าวันใหม่เราอาจจะถูกปลุกโดยฮิวแมนนอยด์ที่ถูกสั่งการเอาไว้ล่วงหน้า

 

“เจ้านายครับ 6 โมงเช้าแล้ว ผมชงกาแฟเอาไว้ให้เรียบร้อย เจ้านายอยากให้ผมไปหยิบมาให้เลยไหมครับ”

 

 


ภาพปก : Kevin Frayer / Stringer / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising