วันนี้ (20 สิงหาคม) เวลา 10.00 น. ที่อาคารรัฐสภา กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าสวัสดิการของสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 1 รวมตัวร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินการของคณะกรรมการสวัสดิการชุดปัจจุบัน หลังถูกขับไล่ให้ออกจากพื้นที่
ศุภโชค เวชราภรณ์ ตัวแทนผู้ประกอบการร้านสวัสดิการของสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 1 ระบุว่า เดิมทีร้านค้าได้รับการคัดเลือกตั้งแต่ปี 2563 ตามนโยบายผู้บริหารในขณะนั้น ที่ต้องการช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้น้อยและครอบครัวที่มีรายได้ไม่พอค่าครองชีพ โดยเปิดโอกาสให้เข้ามาประกอบอาชีพเสริมในรัฐสภา ผู้ประกอบการต้องผ่านการสัมภาษณ์ มีประสบการณ์ขายอาหาร ติดตั้งระบบร้านค้าเอง รวมถึงเข้ารับการอบรมด้านสุขอนามัยกับ อย. อีกทั้งต้องขายสินค้าในราคาที่คณะกรรมการกำหนด และทำสัญญาเช่าพื้นที่ปีต่อปี
ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการค้าขายในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้วกว่า 8 ปี มีการชำระค่ามัดจำ ค่าเช่า และค่าน้ำไฟตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่ไม่เคยได้รับโอกาสอ่านสัญญาล่วงหน้า ทุกปีถูกเรียกให้เซ็นหลังการประชุม
ต่อมา เมื่อมีการเปลี่ยนคณะกรรมการชุดใหม่ ผู้ประกอบการพยายามติดตามเรื่องการต่อสัญญาเช่าปี 2568 แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง โดยอ้างว่าจะปรับปรุงพื้นที่ชั้น B2 และคืนพื้นที่ชั้น 1 ให้สำนักงานเลขาธิการสภา จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ คณะกรรมการประกาศว่าจะมีการคัดเลือกร้านค้าใหม่ ทั้งร้านเดิมและร้านใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจว่าจะยังมีสิทธิร่วมพิจารณา แต่กลับไม่ทราบล่วงหน้าว่ามีแบบสอบถามสำรวจร้านค้า ซึ่งนำมาใช้เป็นเหตุผลอ้างอิงในการขับไล่
ในที่สุด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่สวัสดิการได้ให้ผู้ประกอบการเซ็นรับเอกสารแกมบังคับ โดยเพิ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นหนังสือบังคับให้ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 15 สิงหาคม
โดยมีข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการดังนี้
1. ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรรับหนังสือร้องเรียน และช่วยแก้ปัญหาปากท้องของผู้ประกอบการกว่า 200 ชีวิต ที่เสี่ยงตกงานและขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว
2. ขอให้แบ่งพื้นที่ทำมาหากินให้ผู้ประกอบการ เพื่อให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยยังสามารถเข้าถึงอาหารราคาย่อมเยา
3. ขอให้เปิดโอกาสพูดคุยโดยตรงถึงปัญหาความไม่เป็นธรรมในการบอกเลิกสัญญา และเรื่องคุณธรรมจริยธรรมในการบริหารจัดการ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการเตรียมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว