×

พรรคประชาชนมองงบประมาณ 2569 รัฐบาลคิดไม่รอบ หวังรัฐบาลมีแผนสำรองรับมือภาษีทรัมป์ ชี้ทางออกเดียว ออก พ.ร.บ.เงินกู้-ขยายเพดานหนี้

โดย THE STANDARD TEAM
13.08.2025
  • LOADING...
opposition-critique-budget-2569

วันนี้ (13 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2 และ 3 ภายหลังจากการที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 

 

ณัฐพงษ์มองว่า งบที่รัฐบาลจัดสรรมาเป็นสิ่งที่รัฐบาลคิดไม่รอบ และไม่ลึก เพราะขาดความรอบคอบ การที่กรรมาธิการปรับลดงบประมาณ 8.9 พันล้านบาท แต่รัฐบาลกลับแปรญัตติให้มีงบประมาณในรายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือนข้าราชการประกันสุขภาพ ซึ่งงบส่วนนี้เป็นรายจ่ายประจำที่ต้องตั้งงบประมาณให้เต็มสัดส่วนอยู่แล้วตั้งแต่วาระ 1 แต่กลายเป็นว่าตั้งขาด พอมีการปรับลดงบประมาณก็แปรญัตติส่วนนี้กลับเข้ามา

 

“ส่วนที่บอกว่าคิดไม่ลึกเพราะคิดตื้นๆ ในส่วนงบลงทุน 8.9 พันล้านบาทที่กรรมาธิการได้ตัดลด 1 ใน 3 เป็นงบลงทุนในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กลายเป็นว่างบลงทุนส่วนใหญ่ของประเทศ จะถูกนำไปใช้ในการลงทุนเพื่อสร้างอนาคตให้กับประเทศ กลับเอาไปใช้สร้างตึก ตัดถนน ขุดคลอง ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่าตอนที่รัฐบาลเสนองบประมาณเข้ามา เป็นการคิดจัดสรรงบประมาณที่ไม่รอบคอบ ยังคิดไม่ลึกเพียงพอ” ณัฐพงษ์กล่าว

 

ณัฐพงษ์ยังชื่นชมรัฐบาลเมื่อได้แปรญัตติกลับเข้ามา ไม่ได้นำงบประมาณไปกองไว้ที่งบกลางทั้งหมด แต่งบกลางก็มีความจำเป็นไปใช้ในกรณีที่เร่งด่วน โดยมีการแปรญัตติกลับเข้าไปในกองทุนประกันสังคม หรือเติมไปในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่ได้เห็นต่าง 

 

สำหรับการตัดงบประมาณในหลายกระทรวงสำคัญ เพื่อนำไปจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลายจังหวัดนั้น มีนัยสำคัญเพราะใกล้กับการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ณัฐพงษ์มองว่า ไม่ได้ขัดข้องอะไรที่จะแปรญัตติเติมเข้าไปใน อปท.  เช่น ภารกิจถ่ายโอน มีการแปรญัตติไปให้องค์กรบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ต่าง ๆ 

 

“ถ้าเป็นการแปรญัตติตรงไปตรงมาตามภารกิจของท้องถิ่น ก็ไม่ติดใจอะไร แต่ถ้ามีในเรื่องของการประสานงานเบื้องหลังอยู่ใกล้เลือกตั้งหรือไม่ เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้อยากเห็น และไม่อยากให้กระบวนการพิจารณางบประมาณเป็นการได้ประโยชน์ต่างตอบแทน เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองแบบนั้น” ณัฐพงษ์กล่าว

 

ย้ำงบซื้ออาวุธต้องดูเป็นรายกรณีไป

 

สำหรับเรื่องงบการซื้ออาวุธต่างๆ ของกองทัพ ณัฐพงษ์กล่าวว่า เรายืนยันว่าอยากให้กองทัพทันสมัย ทำหน้าที่ในการปกป้องประเทศ ไม่ใช่ปกครองประเทศ และในเรื่องของยุทโธปกรณ์ก็พิจารณาไปเป็นรายกรณี อะไรที่มีความจำเป็นต่อสถานการณ์ปัจจุบันก็สามารถที่จะพิจารณาได้ อะไรที่มีความจำเป็นก็พิจารณาผ่านได้

อะไรที่ไม่มีความจำเป็นในการป้องกันประเทศ ก็ต้องยืนยันว่าไม่มีความจำเป็น

 

ขณะที่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ พบร่องรอยการทุจริตบ้างหรือไม่ ณัฐพงษ์ยอมรับว่า มีสิ่งที่น่าสงสัยเต็มไปหมด ถ้าสังเกตการณ์พิจารณางบประมาณที่ผ่านมา อย่างการขอให้ถ่ายทอดสด ซึ่งทำได้ทันทีไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่กลายเป็นว่ากรรมาธิการเสียงข้างมากไม่ได้ยอมให้มีการถ่ายทอดสด จนทำให้สมาชิกบางส่วน ต้องไปถ่ายทอดสดในช่องทางของตัวเอง รวมถึงการประชุมในชั้นอนุกรรมาธิการที่ข้อมูลหลายส่วน ภาคประชาชนหรือแม้แต่สส. ที่ไม่ได้เข้าไปนั่งในอนุกรรมาธิการ ก็ไม่ได้เห็นข้อมูลอย่างรอบด้าน

 

“สิ่งที่จะเป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดให้กับรัฐบาลเพื่อทลายข้อครหาต่างๆ ที่วันนี้รัฐบาลขาดความไว้วางใจจากประชาชน คือ ทำอย่างไรให้การพิจารณางบประมาณมีความโปร่งใสมากที่สุด ซึ่งกระบวนการปัจจุบันขาดความโปร่งใสอยู่ค่อนข้างมาก” ณัฐพงษ์กล่าว

 

ณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงการจัดสรรคนที่จะอภิปรายงบประมาณในวาระ 2 ว่า ได้เตรียมผู้อภิปรายไว้เยอะ รวมเวลาอภิปรายทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง คิดว่าช่วงเวลา 3 วัน ก็จะใช้เวลาอย่างเต็มที่ และหลังจากงบฯผ่านสภาไปแล้วฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างเต็มที่ต่อไป 

 

ส่วนกังวลเรื่องสภาล่มหรือไม่ ณัฐพงษ์ เชื่อว่าทางรัฐบาลต้องเตรียม สส. ฝั่งตัวเองให้มาครบองค์ประชุม ไม่ควรหวังพึ่งองค์ประชุมจากฝ่ายค้าน เพราะถ้างบประมาณไม่สามารถผ่านสภาได้ ก็ไม่เห็นช่องทางว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศได้อย่างไร

 

หวังรัฐบาลมีแผนสำรองรับมือภาษีสหรัฐฯ

 

ด้าน ศิริกัญญา ตันสกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงข้อเสนอของกรรมาธิการฯ ในสัดส่วนของพรรคประชาชน ให้แปรงบประมาณไปช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบจากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า มีกรรมาธิการหลายคนเสนอให้ พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ชี้แจงว่า หลังจากที่ได้ข้อสรุปภาษีสหรัฐฯ แล้ว จะมีการปรับตัวหรือมีการเตรียมงบประมาณอย่างไร เพราะอยากทราบว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ เพื่อที่จะเร่งรัดในการปรับลดงบประมาณมาณเพิ่มเติมในส่วนนั้น 

 

แต่สุดท้ายพิชัย ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เดินทางมาชี้แจงในห้องพิจารณา ซึ่งอาจจะเดินทางมายังสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่เข้ามาประชุมกรรมาธิการฯ 2 ครั้งแรกเท่านั้น สุดท้ายก็ไม่ได้มีการตัดลดงบประมาณ โดยสามารถปรับได้แค่ 9,000 ล้านบาท และไม่ได้นำไปใส่ในส่วนที่ควรจะนำไปบรรจุไว้เพื่อรับมือสงครามการค้า  

 

“จึงเดาได้เพียงอย่างเดียวว่า รัฐบาลมีแผนสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะค่อนข้างจะตีบตันไปในทุกหนทาง สำหรับนโยบายการคลัง พื้นที่การคลังก็ไม่เหลือแล้ว ซึ่งอาจจะมีแผนอื่นสำรองเอาไว้ โดยต้องรอติดตามว่า รัฐบาลจะรับมือกับสงครามการค้าที่จะหนักหน่วงมากขึ้นในปี 2569 อย่างไร เพราะปี 2568 เหลืออีกเพียงแค่ 2 เดือนก็จะหมดปีงบประมาณแล้ว” ศิริกัญญากล่าว

 

ศิริกัญญาทิ้งท้ายว่า ทางออกเดียวที่เห็นตอนนี้ คือการออก พ.ร.บ.เงินกู้ รวมถึงขยายเพดานหนี้สาธารณะให้เพิ่มจากที่ตั้งไว้ 70% ไม่เช่นนั้นจะไม่มีงบประมาณใด ๆ รองรับไว้เลย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising