วันนี้ (22 กรกฎาคม) ภายหลังศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตอย่างปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560
โดยศาลทหารในชั้นฎีกา พิพากษาลงโทษจำเลย จำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ให้รอลงอาญา 2 ปี
ต่อมา สุพิชา ตัญกาญจน์ หรือ เมี่ยง พี่สาวของภคพงศ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Supicha M Tanyakan’ ระบุว่า
“บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย
วันนี้ได้มีการออกนั่งอ่านฎีกา ณ ศาล มทบ.12
คดีทำร้ายร่างกาย น.ต.ท. ภคพงศ์ ตัญกาญจน์
ส่วนที่ 1
ศาลสูงยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ แต่ให้รอการจำคุกไว้ เนื่องด้วยเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก ประเด็นต่อมาคือลงในฐานความผิดอาญาลหุโทษ ทำให้จำเลยยังคงรับราชการเป็นตำรวจได้ต่อไปโดยที่ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายนั้นไม่มีสิทธิแม้แต่ได้ดำรงชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ
ส่วนที่ 2
น.ต.ท. ภคพงศ์ นายต้องปราศจากความผิดทั้งหมด รวมถึงข้อครหาว่าเพราะนาย “โกหก” จึงต้องไปโดนธำรงวินัย
เอกสารที่แนบมานี้ ไม่ได้ถูกส่งประกอบเข้าไปในการฟ้องร้องเพราะขอเอกสารจากต้นสังกัดเข้ามาในสำนวนไม่ทัน แต่ดิฉันอยากเอาออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกันว่าเรื่องทั้งหมดที่เด็กชายคนนึงต้องรับมันไว้เกิดมาจากจุดใด
อยากให้ทุกคนได้อ่านมันไปพร้อมๆ กันและสรุปเรื่องราวนี้ในใจของท่านเองว่าคิดเห็นอย่างไร
– เอกสารฉบับที่ 1 เป็นคำให้การของนักเรียนบังคับบัญชาที่พาน้องเมยเดินลงมาด้วยกัน และมีการอนุญาตให้ใช้บันไดเจ้าปัญหาแล้ว
– เอกสารฉบับที่ 2 เป็นคำให้การของจำเลย ซึ่งเป็นนักเรียนบังคับบัญชาเช่นกัน
โปรดตั้งใจอ่านแล้วจะเห็นจุดขัดแย้ง
ส่วนที่ 3 ความรู้สึกของพวกเราสามคน ในฐาน พ่อ แม่ และพี่สาว ของเด็กชายคนนึง
เราทั้งสามคนต้องนั่งฟังคำให้การวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะว่าน้องเมยโกหกถึงได้รับผลเช่นนี้ ทุกปากที่มาขึ้นศาลหรือให้การกับตำรวจล้วนแล้วแต่ปรักปรำให้เด็กชายเป็นคนผิด ไม่ใช่แค่จากนักเรียนด้วยกัน แต่จากปากผู้ปกครองของเด็กอื่นๆ ก็ด้วย “ไอ้ขี้โกหก” ทำให้ทุกคนต้องมาเสียชื่อเสียง โรงเรียนได้รับผลกระทบ ทำไมครอบครัวไม่ยอมทำใจยอมรับมันซะล่ะ เพราะลูกแกนะมันเป็น “ไอ้ขี้โกหก”
วันนี้คุณทุกคนลองอ่านทุกตัวหนังสือเสียใหม่นะว่าเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นยังไง แล้วใครกันที่โกหก
ส่วนที่ 4
ถึงผู้ปกครองส่วนมากก็ดี แต่ก็มีอีกส่วนที่รักโรงเรียนเสียยิ่งกว่าอะไรจนจับต้องไม่ได้ ฟังนะสิ่งที่ทำไปทั้งหมด มันจะไปกระทบกองทัพ โรงเรียน หรือ ปฏิรูปการเกณฑ์ทหาร มันก็ถูกต้องแล้วที่หน่วยงานพวกนี้จะถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกอย่างโปร่งใส ถ้าให้ตรวจสอบกันเองพวกคุณก็ให้การเข้าข้างกันแบบนี้แหละ เป็นนักเรียนยังขนาดนี้เติบใหญ่จะเป็นขนาดไหน…
อย่างน้อยเด็กชายที่ตายไปได้สร้างแรงกระเพื่อมทิ้งไว้ ทำให้ระบบอะไรๆ มันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก็มองข้อดีในตรงนี้กันบ้าง เพราะฉันรู้ว่ามันจริง
ส่วนที่ 5
วันนี้เดินทางมาสุดสายปลายทางของคดีแรกแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้วนะเมย แต่ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกว่ายุติธรรมมากพอ แต่มันก็สำเร็จแล้ว ฉันล้างมลทินทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่ที่หัวใจแหลกสลายแค่ไหนแต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่และทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้
สุดท้ายนี้ ฉันอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาความ
– อะไรที่เป็นอาญาทหารก็ให้ไปขึ้นศาลทหาร
– เหตุอะไรที่เกิดในกฎหมายอื่นก็อยากให้ไปขึ้นศาลพลเรือน เพราะการพิจารณาคดีมันแตกต่างกันจริงๆ
โกหกใครโกหกได้ แต่ใจเราโกหกตัวเองไม่ได้ เพราะฉันยืนตามความจริงมาตลอด ฉันถึงแข็งแกร่ง ฉันถึงพูดออกมาโดยไม่เกรงกลัวใดๆ”
อ้างอิง :