ฐากร ปิยะพันธ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ Krungsri Consumer ซึ่งครอบคลุมลูกค้าส่วนบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2561 โดยยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอยู่ที่ 1.65 แสนล้านบาท เติบโต 9% ขณะที่ยอดสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 4.45 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560
นอกจากนี้จำนวนบัญชีบัตรเครดิตใหม่มี 2.25 แสนบัญชี เติบโต 9% ขณะที่บัญชีสินเชื่อใหม่มี 1.85 แสนบัญชี ลดลง 2% ทำให้บัญชีลูกค้าใหม่รวมเป็น 4.1 แสนราย เติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560
จากการเติบโตดังกล่าวทำให้ Krungsri Consumer มีจำนวนบัญชีรวมกว่า 8.6 ล้านบัญชีซึ่งเติบโต 6.8% ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมเท่ากับ 1.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่ระดับของหนี้เสีย หรือ NPL ส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 2.83% ขณะที่หนี้เสียของบัตรเครดิตอยู่ที่ 1.12% มีสัดส่วนที่ลดลงทั้งคู่
สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรของลูกค้า Krungsri Consumer อันดับที่ 1 คือการซื้อประกันภัย เติบโตถึง 6.3% เนื่องจากธนาคารเป็นพันธมิตรกับ AIA และบริษัทประกันภัย จึงผลักดันโปรโมชันและกระตุ้นยอดการใช้จ่ายส่วนนี้ได้ดี ขณะที่หมวดสินค้าแฟชั่นเติบโตมากที่สุดถึง 14.3% สิ่งที่น่าสังเกตคือ การใช้จ่ายส่วนของไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาเก็ตลดลงถึง 13.5% เรื่องนี้ฐากรให้ความเห็นว่า เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายของบางกลุ่มสินค้า ทำให้ผู้ค้าส่งที่ซื้อสินค้าล็อตใหญ่หลายรายลดการใช้จ่ายในช่องทางนี้ลง
สิ่งที่น่าสนใจคือแผนการผลักดันแพลตฟอร์ม U Choose ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานแตะ 2 ล้านรายในเดือนกรกฎาคมนี้ จึงขยับเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านราย ซึ่งแต่ละรายที่เข้ามาใช้งานคือลูกค้าจากกว่า 8 ล้านบัญชีซึ่งลงทะเบียนบัตรเครดิตในระบบเพื่อใช้สิทธิประโยชน์จาก U Choose โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเพิ่ม Credit Card QR Payment รองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่าน QR Code ฟีเจอร์ Card Control ซึ่งสามารถกำหนดลักษณะการใช้งานรวมถึงวงเงินในบัตรเครดิตได้ด้วยตัวเอง
Krungsri Consumer ยังจับมือกับ Wongnai เพื่อต่อยอดจากการทำโปรโมชันร่วมกันไปสู่การสั่งอาหาร จองคิวร้าน ไปจนถึงชำระเงินค่าอาหารด้วย นอกจากนี้ยังพัฒนาระบบการชำระบิลระหว่างธนาคาร การเปิดบัญชีเงินฝากและการปล่อยกู้ผ่าน U Choose ด้วย
ฐากรประกาศใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตั้งแต่การพัฒนาแชตบอตที่ตอนนี้ทดลองมาแล้วกว่า 6 เดือน การสร้างเจ้าหน้าที่เสมือน (Virtual Agent) ที่สามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังใช้โรบอต (Robot Process Automation) เข้ามาใช้ในกระบวนการหลังบ้านด้วย ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 21% ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างจะชัดเจนภายในสิ้นปี 2561 นี้
สำหรับบางตำแหน่งงานอย่างเจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อ (Credit Analyst) ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 300 คน ฐากรยอมรับว่าจะไม่มีแผนรับเจ้าหน้าที่ส่วนนี้เพิ่มเติมแล้ว เพราะในอนาคตกระบวนการวิเคราะห์สินเชื่อโดยทั่วไปสามารถทำได้โดยระบบ มีบางกรณีเท่านั้นที่จำเป็นต้องใช้คนในการจัดการ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายังจะมีความต้องการเจ้าหน้าที่ในส่วนงานอื่นอีกในวันข้างหน้าและไม่มีแผนเรื่องการลดคนแต่อย่างใด
