×

เผด็จการในคราบประชาธิปไตย: ถอดรหัสสงครามเงียบกัดกร่อนหลักนิติธรรมโลก

26.06.2025
  • LOADING...
ค้อนตุลาการวางบนโต๊ะไม้ สื่อถึงหลักนิติธรรมและกระบวนการยุติธรรม

HIGHLIGHTS

  • ภัยคุกคามรูปแบบใหม่คือ ‘เผด็จการในคราบประชาธิปไตย’ ที่ผู้นำซึ่งมาจากการเลือกตั้งใช้วิธีการกัดกร่อนจากภายใน โดยมี ‘ตำรา’ หรือรูปแบบการโจมตีที่เหมือนกันทั่วโลก คือการทำลายความเป็นอิสระของตุลาการ สื่อ ภาคประชาสังคม และองค์กรเลือกตั้ง 
  • การตอบโต้ภัยคุกคามเต็มไปด้วยความซับซ้อนและภาวะที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างความเด็ดขาดเพื่อความอยู่รอดของระบอบ กับการยึดกระบวนการที่อาจล่าช้าแต่ชอบธรรม
  • สถาบันตุลาการในเอเชียเผชิญแรงกดดันทางการเมืองและเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวผ่านความกล้าหาญของผู้พิพากษา และนวัตกรรมเพื่อสร้างความโปร่งใส
  • การสร้าง ‘กระบวนการยุติธรรมที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง’ ผ่านการรับฟังและเปิดให้มีส่วนร่วม คือยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความไว้วางใจและเป็นภูมิคุ้มกันต่อการบ่อนทำลายหลักนิติธรรม
  • การต่อสู้เพื่อหลักนิติธรรมไม่ใช่การรบที่จบในครั้งเดียว แต่เป็น ‘การรณรงค์ที่ไม่สิ้นสุด’ (Permanent Campaign) ที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องปรับตัวและต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เพราะภัยคุกคามนี้จะยังคงอยู่ต่อไป

วอร์ซอ, โปแลนด์ – วันที่สามแล้วที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในเวที World Justice Forum 2025 ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ บรรยากาศของบทสนทนาที่เข้มข้นและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกร่วมของผู้คนจากหลากหลายวิชาชีพทางกฎหมายทั่วโลก

 

บทสนทนาของผู้พิพากษา นักกฎหมาย ตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ และผู้กำหนดนโยบายจากหลากหลายวัฒนธรรม มีเสียงสะท้อนที่คล้ายคลึงกันจนน่าประหลาดใจ ถึงกับมีคำเปรียบเปรยมาจากบางเวทีว่า งานนี้ให้ความรู้สึกเหมือนการทำ ‘Group Therapy’ เพราะผู้ปฏิบัติงานจากหลายประเทศได้มาระดมสมอง และพบว่าตนเองไม่ได้โดดเดี่ยวในการต่อสู้กับปัญหาเดียวกัน คือเรื่อง ‘ภาวะถดถอยของหลักนิติธรรม’ (Rule of Law Recession) 

 

ท่ามกลางการวิเคราะห์วิกฤต มีการนำเสนอ ‘นวัตกรรมเชิงความคิด’ และการปรับตัวของกระบวนการยุติธรรมในหลายประเทศเพื่อรับมือกับความท้าทายรูปแบบใหม่นี้เช่นกัน พบว่าภูมิทัศน์ของปัญหาในหลายประเทศอาจจะคล้ายคลึงกัน แต่ทางออกแตกต่างกัน

 

ค้อนตุลาการวางบนโต๊ะไม้ สื่อถึงหลักนิติธรรมและกระบวนการยุติธรรม

เวทีเสวนา Understanding the Global Rule of Law Recession 

 

ถอดรหัสภัยคุกคาม: เมื่อประชาธิปไตยถูกกัดกร่อนจากภายใน

 

เวทีเสวนา Understanding the Global Rule of Law Recession ฉายภาพกลยุทธ์การบ่อนทำลายประชาธิปไตยในยุคปัจจุบันได้อย่างลึกซึ้ง

 

เควิน คาซาส-ซาโมรา จาก International IDEA ชี้ว่า นี่ไม่ใช่การโจมตีจากภายนอก แต่เป็นการกัดกร่อนจากผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งมุ่งทำลายสถาบันที่เป็นอิสระ โดยมี ‘ตำรา’ ที่ใช้เหมือนกันทั่วโลก คือการโจมตีสถาบันตุลาการ สื่อเสรี ภาคประชาสังคม และองค์กรจัดการเลือกตั้ง

 

เควิน คาซาส-ซาโมรา จาก International IDEA และ แอนน์ แอปเปิลบอม นักประวัติศาสตร์รางวัลพูลิตเซอร์ 

 

แอนน์ แอปเปิลบอม นักประวัติศาสตร์รางวัลพูลิตเซอร์ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงความซับซ้อนของภัยคุกคามในยุคดิจิทัล เธอยกตัวอย่างกรณีการเลือกตั้งในโรมาเนีย ที่ศาลต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากในการยกเลิกผลการเลือกตั้ง หลังพบว่าผู้สมัครรายหนึ่งใช้เงินสนับสนุนแคมเปญบนโซเชียลมีเดียอย่างผิดกฎหมาย กรณีนี้สะท้อนว่าโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นเครื่องมือที่เอื้อต่อการทุจริตการเลือกตั้งในรูปแบบใหม่ที่กฎหมายเดิมอาจตามไม่ทัน

 

การรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ยังเต็มไปด้วยภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แอปเปิลบอมยกตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา ที่อัยการสูงสุดใช้เวลาพิจารณาอย่างยาวนานก่อนจะตัดสินใจดำเนินคดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บุกรัฐสภา แม้จะมีเหตุผลทางกฎหมายและการเมืองที่ชอบธรรมมารองรับความล่าช้านี้ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ประชาชนอเมริกันหลายล้านคนมองว่าทรัมป์เป็นผู้บริสุทธิ์

 

ในทางกลับกัน เควินยกตัวอย่างประเทศบราซิล ที่สถาบันตุลาการและสถาบันอื่นๆ ตอบโต้อย่างแข็งกร้าวและเด็ดขาดต่อความพยายามบ่อนทำลายประชาธิปไตย ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงว่า ในยามที่ความอยู่รอดของระบอบการปกครองเป็นเดิมพัน ความเด็ดขาดระดับนี้อาจเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าการปกป้องหลักนิติธรรมในปัจจุบันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว

 

เวทีเสวนา Judicial Integrity: Challenges and Opportunities for Strengthening Transparency and Public Trust in Asia 

 

เสียงสะท้อนจากเอเชีย: ความท้าทายที่หลากหลายมิติ

 

เมื่อมองมายังเอเชีย แรงกดดันเหล่านี้ปรากฏชัดเจนและใกล้ตัวเรามากขึ้น ในเวทีเสวนา Judicial Integrity in Asia ผู้พิพากษาจากหลายประเทศแบ่งปันประสบการณ์ที่สะท้อนภาพความท้าทายร่วมกัน 

 

ผู้พิพากษาศาลฎีกาเนปาล สปนา ประธาน มัลลา นำเสนอมุมมองที่ซับซ้อนและน่าขบคิด นอกจากจะยอมรับว่ากระบวนการแต่งตั้งตุลาการในประเทศของเธอถูกการเมืองแทรกแซงอย่างหนัก และต้องอาศัยความกล้าหาญของผู้พิพากษาเป็นปราการด่านสุดท้าย และชี้ให้เห็นถึงความท้าทายใหม่จากเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ เธอตั้งคำถามผ่านปรัชญา ‘เรือของธีซุส’ ว่า ถ้าเราค่อยๆ เปลี่ยนชิ้นส่วนของเรือไปทีละชิ้นจนหมด มันจะยังเป็นเรือลำเดิมอยู่หรือไม่ เช่นเดียวกับผู้พิพากษาที่ถ้าค่อยๆ แทนที่สัญชาตญาณและมโนธรรมด้วยผลลัพธ์จากเครื่องจักร “เราจะยังคงรับใช้ความยุติธรรม หรือเป็นเพียงการสร้างภาพลวงตาขึ้นมาใหม่เธอให้ความเห็นว่า AI ไม่เคยเห็นน้ำตาของผู้แสวงหาความยุติธรรม และไม่สามารถชั่งน้ำหนักความทุกข์ของมนุษย์ได้

 

ผู้พิพากษา ราซี ซิกเดอร์ มาห์มูเดอร์ จากบังกลาเทศ แจกแจงความท้าทายที่สถาบันตุลาการต้องเผชิญอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่แรงกดดันทางการเมืองจากฝ่ายบริหารที่ทรงอำนาจ การโจมตีผู้พิพากษาเป็นรายบุคคล แรงกดดันจากสื่อ ไปจนถึงปัญหาความล่าช้าของคดี ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง เขายกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงที่เคยทำคดีที่ค้างอยู่ในศาลนานถึง 60 ปี ซึ่งอายุมากกว่าตัวเขา

 

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ผู้พิพากษามาห์มูเดอร์ได้เล่าถึงนวัตกรรมการปรับตัวที่น่าสนใจ คือกรณีการประท้วงของนักศึกษาต่อระบบโควตาในการจ้างงานภาครัฐ ซึ่งศาลสูงสุดได้มีคำตัดสินให้ลดโควตาลงเหลือเพียง 7% คำตัดสินนี้ไม่เพียงแต่แก้ไขข้อขัดแย้งใหญ่ในสังคม แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสถาบันตุลาการในการปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป 

 

ทางออกเชิงยุทธศาสตร์จากประเทศไทย: เมื่อ ‘การรับฟัง’ และ ‘ประชาชน’ คือหัวใจของการปฏิรูป

 

ท่ามกลางบทสนทนาถึงวิกฤติและทางออก มุมมองจากตัวแทนประเทศไทยได้นำเสนอแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่หลักนิติธรรม

 

ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)

 

ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) วางกรอบการมองปัญหา โดยเน้นว่าสถาบันตุลาการในปัจจุบันต้องรับมือกับความต้องการที่ซับซ้อนทั้งในมิติสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นความสุจริตเที่ยงธรรมของฝ่ายตุลาการจึงไม่ใช่เพียงอุดมคติทางเทคนิค แต่เป็นความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ที่ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของผู้คน และเป็นหัวใจสำคัญในการค้ำจุนความชอบธรรมของระบบ

 

ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ ยกตัวอย่าง Justice by Design ซึ่งเป็นความร่วมมือกับศาลยุติธรรมที่ใช้นวัตกรรมทางความคิดแบบ Design Thinking เพื่อเชิญชวนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการใช้บริการกระบวนการยุติธรรม เข้ามาร่วมจินตนาการและออกแบบการให้บริการใหม่จากมุมมองของพวกเขาเอง

 

ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ TIJ 

 

ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ TIJ ให้ภาพการนำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในการตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเปราะบาง ดร.พิเศษ ชี้ว่า แนวทางการทำงานแบบทำตามปกติไม่เพียงพออีกต่อไป แต่จำเป็นต้องทำความเข้าใจความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง โดยตระหนักว่าปัญหาทางกฎหมาย เช่น ที่อยู่อาศัย มักจะซ้อนทับกับความเหลื่อมล้ำและความเปราะบางในมิติอื่นๆ 

 

กระบวนการที่นำมาช่วยได้ เช่น อาสาสมัครนักกฎหมายและนักกฎหมายชุมชน ที่เข้ามาช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างประชาชนกับระบบยุติธรรมที่เป็นทางการ โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤต เช่นเดียวกับบทบาทของภาคประชาสังคมและองค์กรชุมชนที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้คนบนพื้นที่จริง แนวทางนี้คือการสร้างเครือข่ายความยุติธรรมภาคประชาชนที่เข้มแข็ง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อ่อนแอที่สุด จะสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้

 

บทสรุป

 

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงบทสนทนาทางวิชาการที่เกิดขึ้นในอีกซีกโลกหนึ่ง แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อประเทศไทย เวที World Justice Forum นี้จัดโดย World Justice Project (WJP) สถาบันผู้จัดทำดัชนีหลักนิติธรรม (Rule of Law Index) ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งทำงานประสานกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ที่กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณารับประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก หนึ่งในมิติสำคัญที่ไทยจะถูกประเมินอย่างเข้มข้นก็คือ หลักนิติธรรม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising