×

กสทช. คุมเข้ม ‘ซิม-สาย-เสา’ สกัดอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ เตรียมลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

โดย THE STANDARD TEAM
24.06.2025
  • LOADING...
กสทช.

วันนี้ (24 มิถุนายน) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เร่งเดินหน้ามาตรการเข้มงวด ‘ซิม-สาย-เสา’ เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ

 

ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงาน กสทช. ว่า ได้ข้อสรุปมาตรการจัดการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา 

 

มาตรการ ‘ซิม’

 

– ห้ามขนซิมไทยออกนอกประเทศ: สำนักงาน กสทช. จะประสานงานกับกรมศุลกากรอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการลักลอบนำซิมการ์ดของไทยออกนอกประเทศ

 

– ตรวจสอบการลงทะเบียนซิมชายแดน: จะมีการขอข้อมูลจำนวนการลงทะเบียนและเปิดใช้งานซิมในพื้นที่ชายแดน เพื่อควบคุมและติดตามการใช้งานอย่างใกล้ชิด

 

มาตรการ ‘สาย’

 

– รายงานข้อมูลคู่สัญญาต่างชาติ: ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีจุดเชื่อมต่อออกต่างประเทศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จะต้องรายงานข้อมูลคู่สัญญาที่เป็นนิติบุคคลต่างประเทศ โดยระบุประเภทธุรกิจ ปริมาณการใช้งาน และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน เพื่อให้ กสทช. สามารถตรวจสอบการใช้งานได้อย่างเข้มข้น

 

– ระงับและพิจารณาการเชื่อมต่อ: การเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมไปยังกัมพูชาที่ได้ระงับไปแล้ว หากผู้ประกอบการประสงค์จะกลับมาใช้บริการ จะต้องแจ้งสำนักงาน กสทช. เพื่อพิจารณาและอนุมัติอีกครั้ง

 

มาตรการ ‘เสา’

 

– ลงพื้นที่ตรวจสอบสัญญาณชายแดน: สำนักงาน กสทช. เตรียมลงพื้นที่ตามจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาในจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี ตราด ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ หลังมีการควบคุมการเข้าออกจุดผ่านแดน เพื่อตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต

 

– ควบคุมสัญญาณไม่ให้ล้ำข้ามแดน: เป้าหมายสำคัญคือการป้องกันไม่ให้สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของไทยล้ำข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการก่ออาชญากรรม สำนักงาน กสทช. จะกำชับผู้ให้บริการโทรคมนาคมให้ดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องนี้

 

ไตรรัตน์เน้นย้ำว่า นอกจากการดำเนินการตามมาตรการข้างต้นแล้ว สำนักงาน กสทช. ยังพร้อมรับฟังและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงกองกำลังทหารชายแดน เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ 

 

“หากผู้ประกอบการโทรคมนาคมจะมีการเชื่อมต่อสัญญาณไปยังกัมพูชา จะต้องมีการให้รายละเอียดธุรกิจและบริการ เพื่อให้สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบเข้มข้นขึ้น” ไตรรัตน์กล่าว 

 

พร้อมเสริมว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่สร้างความเดือดร้อนและความเสียหายอย่างมาก กสทช. พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่เพื่อให้การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเห็นผลโดยเร็วที่สุด

 

ปัจจุบันมีผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีโครงข่ายเป็นของตนเองและมีจุดเชื่อมต่อออกต่างประเทศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาจำนวน 14 บริษัท ซึ่งทุกบริษัทได้หยุดให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างประเทศไปยังกัมพูชาแล้ว 

 

ประกอบด้วย บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด, บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด, บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน), บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด, บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด, บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด, บริษัท ที.ซี.ซี.เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน), บริษัท แอล ดับเบิ้ลยู ที เอ็น จำกัด, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท เคิร์ซ จำกัด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising