การโจมตีสถานที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ในอิหร่านของสหรัฐฯ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลก โดย คริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอง รวมถึงประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆ
จอร์เจียวาให้ความเห็นกับ Bloomberg TV ว่า เราอยู่ในโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงอยู่แล้ว ซึ่งการตัดสินใจส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้าไปถล่มฐานวิจัยนิวเคลียร์ก็ยิ่งขยายขอบเขตความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจ โดย IMF คาดว่า ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ยังกระทบต่ออุปทานพลังงานทั่วโลกจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญ
นอกจากความเสี่ยงหลักข้างต้นแล้ว ผู้นำ IMF เตือนว่าอาจมีผลกระทบต่อเนื่องที่ต้องจับตาเพิ่มด้วย นั่นคืออาจเกิดความผันผวนมากขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และมีผลตามมาต่อการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก
“เมื่อพิจารณาความเป็นไปได้ต่างๆ แล้ว ก็ยังมีโอกาสสูงที่สหรัฐฯ จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ในปีนี้ แต่ขอร้องละ อย่าทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้เลย” จอร์เจียวากล่าว
ก่อนหน้านี้ IMF มองความเสี่ยงที่สหรัฐฯ รวมถึงประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ที่เกือบ 40% จากรายงานคาดการณ์ที่เผยแพร่ในเดือนเมษายน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับทั่วโลก
จอร์เจียวากล่าวเสริมว่า “ยิ่งมีความไม่แน่นอนมากขึ้นเท่าใด ความผันผวนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งส่งผลเสียต่อธุรกิจ เพราะเมื่อใดที่มีความไม่แน่นอน จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? นักลงทุนก็จะไม่ลงทุน ผู้บริโภคก็จะไม่บริโภค ซึ่งทำให้โอกาสการเติบโตลดลง”
ภาพ: Maxar Technologies / Handout via Reuters
อ้างอิง: