7 THINGS WE LOVE ABOUT KOREAN MODELS TURNED ACTOR จากแฟชั่นสู่นักแสดงมืออาชีพ
ในยุคที่วงการบันเทิงเกาหลีใต้กำลังครองใจผู้ชมทั่วโลกด้วยความหลากหลายและคุณภาพที่โดดเด่น เรื่องราวเบื้องหลังของเหล่านักแสดงที่เปล่งประกายบนจอนั้นก็เป็นสิ่งที่น่าค้นหาไม่แพ้ตัวละครของพวกเขาแม้แต่น้อย และหนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจซึ่งกลายเป็นแพตเทิร์นที่เห็นได้ชัดคือ การที่เหล่าโมเดลวัยรุ่นผันตัวจากรันเวย์มาสร้างปรากฏการณ์บนหน้าจอ จนประสบความสำเร็จได้อย่างน่าประทับใจ
ในครั้งนี้ THE STANDARD POP จะขอพาแฟนซีรีส์เกาหลีใต้ทุกคนไปย้อนรอยจุดเริ่มต้นของ 7 นักแสดงชื่อดังที่เริ่มต้นจากการเป็นนางแบบและนายแบบ ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการการแสดงและโชว์ศักยภาพได้อย่างน่าทึ่ง เพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่เพียงเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในสองเส้นทางอาชีพ แต่ยังสะท้อนถึงพลังของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ที่สามารถสร้างคนดังที่มีความสามารถรอบด้านและได้รับการยอมรับในระดับสากล
HOYEON
เริ่มต้นที่ โฮยอน หรือ จองโฮยอน หญิงสาวที่เหล่าคอซีรีส์เกาหลีคงคุ้นตาเธอกันดีจากบท คังแซบยอก ผู้เล่นหมายเลข 067 ที่แจ้งเกิดใน Squid Game ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่ในฝั่งงานแสดง แต่สำหรับวงการแฟชั่นแล้ว โฮยอนถือเป็นโมเดลสาวจากประเทศเกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคนี้เลยก็ว่าได้ โดยเส้นทางการเป็นนางแบบของเธอนั้นเริ่มต้นขึ้นที่ Seoul Fashion Week ในวัยเพียง 16 ปี ก่อนจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากรายการ Korea’s Next Top Model 2013 จนคว้าอันดับรองชนะเลิศมาครองในอีก 3 ปีต่อมา และได้กลายเป็นใบเบิกทางสำคัญให้เธอเข้าสู่โลกแฟชั่นระดับโลกอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการได้เซ็นสัญญากับเอเจนซีระดับแถวหน้าในนิวยอร์ก การเดินแบบให้ Opening Ceremony ใน New York Fashion Week การได้เฉิดฉายบนรันเวย์ร่วมกับแบรนด์ใหญ่ๆ มากมายในช่วงแฟชั่นวีคทั้ง 4 เมืองหลัก ตลอดจนได้เป็น Exclusive Model ให้กับ Louis Vuitton ใน Paris Fashion Week Spring/Summer 2017 ซึ่งนำไปสู่การทำงานระยะยาวกับแบรนด์จนขึ้นแท่น Global Brand Ambassador ในปี 2021
นอกจากความสัมพันธ์ที่น่าประทับใจกับ Louis Vuitton แล้ว ปัจจุบันโฮยอนยังเป็น Global Brand Ambassador ให้กับ Lancôme และ adidas Originals อีกเช่นกัน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่าตัวตนที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันทรงพลังของเธอนั้น เป็นความภาคภูมิใจของเกาหลีในวงการแฟชั่นระดับโลกอย่างแท้จริง
BYEON WOO SEOK
สำหรับทางฝั่งของนักแสดงชายผู้เติบโตในวงการบันเทิงจากบทบาทนายแบบที่ดังที่สุดในวินาทีนี้คือ บยอนอูซอก เจ้าของฉายาแฟนหนุ่มแห่งชาติ โดยเขาถือเป็นตัวอย่างของโมเดลเกาหลีรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จทั้งในสายแฟชั่นและวงการแสดง เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกของการเป็นนายแบบในปี 2010 และได้เซ็นสัญญากับเอเจนซีชั้นนำอย่าง YG KPLUS หลังจากนั้นซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เปิดโอกาสให้เขาได้ร่วมงานกับโปรเจกต์ใหญ่ๆ มากขึ้น ทั้ง Seoul Fashion Week รวมถึงเดบิวต์บนรันเวย์ระดับนานาชาติตั้งแต่ปี 2015 ในช่วง Menswear Fashion Week ที่เมืองมิลาน จนกลายเป็นที่จับตามองด้วยลุคแบบผู้ชาย classic ที่มาพร้อมกับรูปร่างสูงโปร่งสุดเพอร์เฟ็กต์ ก่อนที่จะเริ่มเบนเข็มสู่เส้นทางสายนักแสดงในปี 2016 ที่พัฒนาฝีมือเรื่อยมา กระทั่งได้โอกาสสำคัญในการเป็นพระเอกเรื่อง Lovely Runner ในปี 2024 ที่เขาสามารถนำพาชื่อบยอนอูซอกไปอยู่ในใจของแฟนคลับทั่วโลกได้
และแน่นอนว่าถึงจะหันมาเอาดีด้านการแสดง แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทำให้เส้นทางแฟชั่นของเขายังคงโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างไม่น่าประหลาดใจ โดยในปี 2024 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Brand Ambassador ของ Prada และในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เขากลายเป็น Brand Ambassador ของ Cartier อย่างเป็นทางการ ซึ่งการได้รับเลือกโดยแบรนด์ระดับโลกทั้งสองนี้สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของหนุ่มบยอนอูซอกที่เรียบหรู แต่ทรงพลังอีก ทั้งยังถ่ายทอดความทันสมัยและความหลากหลายของแฟชั่นเกาหลีในระดับโลกอย่างชัดเจน
NAM JOO HYUK
อีกหนึ่งนายแบบที่เริ่มต้นในสังกัดเดียวกันและมีเส้นทางการเติบโตที่น่าประทับใจคือ นัมจูฮยอก ที่ก่อนจะมาเป็นนักแสดงระดับท็อป เขาเดบิวต์สู่สปอตไลต์ด้วยการเป็นผู้ชนะการแข่งขันรายการ Top Model ที่จัดขึ้นโดย YG KPLUS ซึ่งทำให้เขาได้เซ็นสัญญาและโลดแล่นในวงการแฟชั่นเกาหลีบนรันเวย์ของแบรนด์ต่างๆ ไปจนถึงถ่ายแบบกับนิตยสารชื่อดังมากมาย ความสำเร็จในสายนายแบบของนัมจูฮยอกได้เปิดประตูสู่โลกการแสดงในปี 2014 เขาได้ปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอเพลง 200% ของ AKMU ซึ่งรูปร่างและหน้าตาที่ตะโกนคำนิยามของคำว่านายแบบออกมานั้นก็เป็นที่สนใจไม่น้อย จนมาถึงการได้บทนำใน Who Are You: School 2015 ต่อเนื่องด้วยบทบาทนำในผลงานดังต่างๆ เช่น Weightlifting Fairy Kim Bok Joo, Start-Up, และ Twenty Five Twenty One ซึ่งทำให้ความสามารถอีกด้านนั้นถูกจดจำไปพร้อมๆ กับการเปล่งประกายด้านแฟชั่นอยู่อย่างมั่นคง เพราะในระหว่างที่สวมบทบาทเป็นตัวละครขวัญใจผู้ชมนั้น นัมจูฮยอกยังได้รับตำแหน่ง Asia Brand Ambassador ของ Dior Men ในฐานะนักแสดงเกาหลีคนแรกในปี 2019 อีกสองปีถัดมาเขายังได้รับเลือกให้เป็น Brand Ambassador ของ Dior Beauty Korea ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักแสดงและโมเดลหนุ่มสุดฮอตของเกาหลีใต้ จนถูกยกย่องใน Forbes 30 Under 30 ในปี 2021 ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลและความสำเร็จที่หลากหลายของเขา
และถึงจะห่างหายจากหน้าจอไปเกือบ 2 ปีด้วยภารกิจรับใช้ชาติ นัมจูฮยอกยังคงถูกเชิญให้ร่วมชมแฟชั่นโชว์ของ Dior Spring/Summer 2025 ในฐานะ House Friends หลังปลดประจำการเพียง 5 วันเท่านั้น รวมถึงปรากฏตัวที่ฟรอนต์โรว์ในโชว์ซีซันล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีและกวาดมูลค่าสื่อไปกว่า 8.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หนุ่มคนนี้จึงยังเป็นแฟชั่นไอคอนที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างรอชมก้าวต่อไปของเขาทั้งด้านแฟชั่นและงานแสดงอย่างใกล้ชิด
KIM WOO BIN
หากกล่าวถึงนัมจูฮยอกแล้ว อีกหนึ่งนักแสดง-โมเดลชายที่มีชื่อเสียงในระยะเวลาไม่ห่างกันมากนักคือ คิมอูบิน ที่ก้าวเข้าสู่รันเวย์ Seoul Fashion Week ในปี 2009 เมื่ออายุ 20 ปีเต็ม และเริ่มแสดงบทสมทบในเรื่อง School 2013 ต่อด้วยบทนำเรื่อง The Heirs ในปี 2014 ที่ได้เรียกว่าเป็นผลงานระดับตำนานในเอเชียเลยก็ว่าได้ ซึ่งในระหว่างนั้นด้วยการโชว์เสน่ห์ความมัสคูลีนที่ให้ทั้งความเท่และภาพลักษณ์ดูหรูหราจากทุกบทบาท จึงทำให้เขาได้รับโอกาสเป็นนายแบบเอเชียคนแรกที่ร่วมถ่ายโฆษณาแบรนด์ระดับโลกอย่าง Calvin Klein Watches และ Jewelry ในปี 2015 อย่างไรก็ดี แม้เขาจะต้องเผชิญกับรักษาโรคมะเร็งโพรงจมูกอยู่ราวๆ 2 ปี คิมอูบินก็สามารถต่อสู้และกลับมาสานต่องานของเขาได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ ทั้งยังประกาศความสำเร็จในวงการแฟชั่นด้วยการขึ้นแท่น Global Ambassador ของ Jaeger-LeCoultre แบรนด์เรือนเวลาสุดหรูสัญชาติสวิสในปี 2021 และได้ปรากฏตัวเข้าร่วมในแฟชั่นอีเวนต์สำคัญ เช่น Watches and Wonders Geneva 2025 ที่แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในตัวตนของเขาที่ยากจะหาใครเทียบได้
LEE SUNG KYUNG
กลับมาที่ฝั่งของโมเดลสาว อีซองคยอง เป็นอีกชื่อที่เหมาะแก่การกล่าวถึงในหัวข้อนี้ เพราะเธอถือเป็นนางแบบที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ที่เปิดตัวมาในช่วงเดียวกัน โดยการเดินทางของเธอในวงการแฟชั่นเริ่มต้นขึ้นในปี 2008 เมื่อเธออายุเพียง 19 ปี หลังจากเข้าร่วมการแข่งขัน Super Model Contest และ Asia-Pacific Super Model Contest ในปีต่อมา ด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์ ที่มาพร้อมบุคลิกสดใส และดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลนัท กลายเป็นทั้งความสามารถและอิมเมจที่ตอบโจทย์สิ่งที่วงการแฟชั่นเกาหลีกำลังมองหา ทำให้เธอได้ร่วมงานกับนิตยสารแฟชั่นชั้นนำมากมายจนได้รับฉายาจาก W Magazine ว่าเป็น Gigi Hadid แห่งเกาหลีใต้ รวมถึงได้รับรางวัล Best Female Fashion Model of the Year จาก Council of Fashion Designers of Korea (CFDK) ในปี 2014 และนำไปสู่โอกาสในวงการบันเทิงที่หลากหลายมากขึ้น จนทำให้เธอเป็นนางแบบ-นักแสดงคนแรกของ YG KPLUS โดยผลงานการแสดงของอีซองคยองนั้นได้แก่ Flower of Queen, It’s Okay, That’s Love, Cheese in the Trap, Weightlifting Fairy Kim Bok Joo และซีรีส์ชุด Dr. Romantic ซึ่งกล่าวได้ว่าโปรไฟล์ของเธอนั้นมีแต่ผลงานระดับท็อปทั้งสิ้น และเป็นที่แน่นอนว่าเธอยังคงรักษาสถานะเป็นไอคอนแฟชั่นได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ สายสัมพันธ์กับลักชัวรีแบรนด์อย่าง CHANEL, Valentino หรือ FENDI ที่เต็มไปด้วยแคมเปญและการเข้าร่วมอีเวนต์ที่ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จที่สมดุลของเธอในทั้งสองสาขาอาชีพได้เป็นอย่างดี
GO YOUN JUNG
สำหรับนักแสดงสาวที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ต้องยกให้ โกยุนจอง เจ้าของรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมที่โชว์ผลงานจับใจผู้ชมได้อย่างโดดเด่น อาทิ Law School, Moving และ Resident Playbook ซึ่งก่อนจะมาเฉิดฉายในวงการการแสดง อันที่จริงแล้วเธอเป็นอีกคนหนึ่งที่เริ่มเส้นทางในวงการบันเทิงจากการเป็นนางแบบมาก่อน โดยเธอเคยเป็นโมเดลให้กับแบรนด์ดังอย่าง Nike, Dior, Giorgio Armani และ Ritz Crackers และถึงแม้ว่าชื่อเสียงการเป็นนางแบบของเธอในอดีตอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่ากับผลงานการแสดงสักเท่าไรนัก แต่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน โกยุนจองเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่กำลังมีบทบาทด้านแฟชั่นระดับโลก จากทั้งการถูกแต่งตั้งให้เป็น House Ambassador ของ CHANEL ในปี 2024 และยังได้รับตำแหน่งเดียวกันจากทางฝั่ง CHANEL beauty เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา รวมถึงยังปรากฏตัวเป็นแขกคนสำคัญ ณ แฟชั่นโชว์ของแบรนด์ ตลอดจนการขึ้นปกนิตยสารชั้นนำของเกาหลีใต้หลากหลายฉบับ นับเป็นหนึ่งในคนดังที่เป็น
CLAUDIA KIM
ปิดท้ายกับ คลอเดีย คิม ที่เริ่มเส้นทางอาชีพนางแบบในเวทีแข่งขัน Korea-China Supermodel Contest ที่สร้างดาวเด่นในวงการแฟชั่นมานับไม่ถ้วน โดยนอกจากการคว้าชัยชนะเวทีนี้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของคลอเดีย คิมคือการได้ใช้ชีวิตวัยเด็กในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหล่อหลอมให้เธอมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง และกลายเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการทำงานทั้งในตลาดเอเชียและตะวันตก ทำให้นอกจากงานถ่ายแบบและโฆษณาในเกาหลีใต้แล้ว จุดแข็งนี้ยังพาให้เธอก้าวสู่แฟชั่นระดับโลก อาทิ การได้รับเชิญร่วมฟรอนต์โรว์ของ Dior ในปี 2014 ซึ่งน้อยคนนักจากเกาหลีใต้ที่จะไปอยู่จุดนั้นได้ ส่วนทางฝั่งงานแสดง เธอเดบิวต์ในผลงานซีรีส์ Brain เมื่อปี 2011 และมีเส้นทางที่ต่างออกไปจากนักแสดงคนอื่นๆ ด้วยการก้าวข้ามพรมแดนไปเติบโตในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง Avengers: Age of Ultron และ Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะกลับมาสร้างชื่อเสียงในตลาดเกาหลีทั้งการร่วมอีเวนต์แฟชั่นและปล่อยผลงานแสดงผ่านสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มในระหว่างทางเช่นกัน
จากโอกาสที่หลากหลายนี้ ทำให้เธอได้ร่วมโปรโมตผลงานไปทั่วโลกในลุคจากแบรนด์หรู เช่น Dior, Louis Vuitton, Oscar de la Renta และเป็นที่มาของการได้รับคำนิยามว่าเป็น Asian elegance meets Hollywood glam ซึ่งเรียกได้ว่าเธอกลายเป็นตัวแทนสำคัญของความสำเร็จของผู้หญิงเกาหลีในเวทีโลกเลยทีเดียว