วันนี้ (18 มิถุนายน) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุมอย่างเป็นทางการนัดแรกของทีมประเทศไทย โดยมีโฆษกด้านการต่างประเทศและด้านความมั่นคงร่วมให้ข้อมูล
พล.อ. ณัฐพล ระบุว่า การประชุม ศบ.ทก. จะจัดขึ้นทุกวันทำการ โดยแต่งตั้ง นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เป็นโฆษกด้านการต่างประเทศ และ พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพไทยและรองโฆษกกองทัพไทย เป็นโฆษกด้านความมั่นคง
นิกรเดชกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนว่า ไทยไม่เคยปิดด่านหรือใช้มาตรการปิดด่านใดๆ เป็นเพียงมาตรการควบคุมคนเข้าออกและปรับเวลาเปิดปิดด่าน เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน และจะพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์และความจำเป็นต่อไป
ส่วนกรณีที่กัมพูชาประกาศระงับการนำเข้าผักและผลไม้จากไทยเมื่อวานนี้ (17 มิถุนายน) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกันอย่างใกล้ชิด โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานเพื่อกระจายผลผลิตไปยังผู้รับซื้อในประเทศ เพื่อลดผลกระทบต่อเกษตรกรไทย
สำหรับข้อสงสัยในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการขุดคูเลตของฝ่ายไทย นิกรเดชย้ำว่า เป็นการขุดในพื้นที่อธิปไตยของไทย จึงปฏิเสธคำกล่าวหาว่าไทยละเมิด MOU 2543 และยังคงยึดมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว
นิกรเดชเน้นย้ำว่า ไทยยึดมั่นในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาด้วยความจริงใจและสุจริตใจ โดยการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (JBC) ที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ และไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายนนี้ ส่วนการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมส่วนภูมิภาค (RBC) ไทยประสานกัมพูชาให้จัดการประชุมโดยเร็ว และกำลังรอการตอบรับวันเวลาที่เหมาะสม พร้อมขอให้สื่อมวลชนระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและประเด็นความขัดแย้งเพิ่มเติม
พล.ร.ต. สุรสันต์ เสริมในประเด็นด้านความมั่นคงว่า กองทัพไทยยืนยันการดำเนินการทางทหารตามหลักสากลและ MOU 2543 โดยการปรับปรุงพื้นที่และที่มั่น การปฏิบัติการของกองกำลังในพื้นที่ เป็นไปตามหลักการทางทหารที่ต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งมั่นคงในพื้นที่อธิปไตยของไทยทั้งสิ้น
ด้านการดำเนินการจุดผ่านแดน ยังคงยึด 2 มาตรการหลักคือ การจำกัดคนและประเภทของคนผ่านแดน และการจำกัดเวลาในการเปิดด่าน โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม สำหรับกรณีที่กัมพูชาไม่อนุญาตให้นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย ศบ.ทก. ได้ประสานกระทรวงพาณิชย์ให้ร่วมมือกับภาคเอกชนรับซื้อผลผลิตเกษตรไทย 2,500 ตัน เพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคในประเทศ พร้อมเชิญชวนประชาชนสนับสนุนสินค้าไทย
เมื่อถามถึงกรณีการปลุกระดมกลุ่มผู้ชุมนุมรักชาติในกรุงพนมเปญ นิกรเดชชี้แจงว่า เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่สหพันธ์เยาวชนกัมพูชาจัดเป็นประจำ และเป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับช่วงที่มีประเด็นระหว่างไทย-กัมพูชา โดยย้ำว่านโยบายของไทยคือต้องการให้เรื่องนี้เป็นประเด็นระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ไม่ใช่ระดับประชาชน ส่วนคนไทยในกัมพูชา อัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญได้ติดต่อประสานงานอย่างใกล้ชิด และขณะนี้ไม่มีความน่ากังวลใดๆ
พล.อ. ณัฐพล กล่าวเสริมตามคติพจน์ของ ศบ.ทก. คือ “รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติสร้างสันติ” โดยระบุว่าหากฝ่ายกัมพูชาดำเนินการใดๆ และไทยตอบโต้ทุกเรื่อง ก็จะไม่เป็นการใช้สติพิจารณา และกรณีนี้ก็ไม่มีผลกระทบใดๆ กับประเทศไทย