วันนี้ (17 มิถุนายน) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นเพื่อให้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เปิดเผยว่า ขณะนี้คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจชุดนี้ยังอยู่ระหว่างการร่าง คาดว่าจะเรียบร้อยในช่วงบ่ายวันนี้ จากนั้นจะมีการเชิญประชุม ซึ่งจะทราบว่าแต่ละหน่วยงานจะส่งใครมาเป็นผู้แทนหรือจะส่งปลัดกระทรวงมาเอง และหารือแนวทางในการทำงาน ซึ่งตนไม่ใช่ผู้กำหนด
ส่วนมาตรการในการปรับลดกำลังทั้งสองฝ่ายที่จะมีการพูดคุยคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ต้องมีการหารือกันในที่ประชุม แต่ที่คิดเอาไว้การทำงานของศูนย์นี้เป็นการบูรณาการและขับเคลื่อนงานเฉพาะหน้า เช่น กรณีเมื่อวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน กัมพูชาประกาศไม่ให้รถบรรทุกผลไม้จากไทยข้ามแดน ต้องเร่งแก้ไขปัญหาทันที หากปล่อยให้หน่วยงานคิดเองจะใช้เวลานาน ซึ่งตอนนั้นตนได้เสนอไปยัง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ในการช่วยรับซื้อผลไม้ และเชิญชวนให้ภาคเอกชนมารับซื้อ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการอยู่ รวมถึงรับทราบและติดตามงานที่ต้องใช้ระยะเวลานาน เช่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา , ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งจะต้องหารือว่าจะทำอย่างไรเพราะศูนย์นี้ไม่ควรอยู่นานเกิน 1 เดือน เนื่องจากมีแต่ระดับหัวหน้าหน่วยงาน ถ้าอยู่นานจะกระทบงานปกติของหน่วยงานนั้น โดยจะรีบทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด
พล.อ. ณัฐพล กล่าวว่า จะมีการแต่งตั้ง พล.ร.ต. สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษกกองทัพไทย มาเป็นโฆษกของศูนย์นี้เพื่อทำหน้าที่แถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพราะมีความเข้าใจทางด้านมิติความมั่นคง ซึ่งในโลกโซเชียลมีประเด็นทุกวันให้เราต้องชี้แจงในประเด็นต่างๆ ให้ประชาชนเข้าใจไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศ แต่สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี ก็โพสต์ทุกวัน ดังนั้นเราต้องชี้แจงทุกวัน และจะเริ่มแถลงข่าวได้ในวันพรุ่งนี้ รวมถึงจะมีการประชุมทุกวันในเวลา 09.30 น.
ส่วนศูนย์นี้จะมีการทำงานแบบศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) หรือไม่ พล.อ. ณัฐพล กล่าวว่า คล้ายแต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะ ศบค. เน้นแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและจะไม่เข้าไปก้าวก่ายความรับผิดชอบของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งในการร่างคำสั่งได้ขอความร่วมมือ ไปยังหัวหน้าหน่วยงาน ว่าไม่จำเป็นต้องมาเอง แต่ขอเป็นคนที่ตัดสินใจได้ เพราะหากเข้ามาประชุมเพื่อรับทราบและไปรายงานต่อจะทำให้เสียเวลา
เมื่อถามว่า ศูนย์แห่งนี้จะไม่พิจารณามาตรการตอบโต้ หรือการยกระดับมาตรการต่างๆ ช่วยหรือไม่ พล.อ. ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น หากเป็นมาตรการที่สามารถตกลงใจกันได้ ก็สามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมาเรามีการพูดคุยกันมาโดยตลอด ศูนย์แห่งนี้จึงถูกตั้งขึ้นเพื่อทำให้มีรูปแบบเป็นทางการ ซึ่งอำนาจไม่ได้อยู่ที่ศูนย์แต่จะต้องมีการพิจารณาเพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีให้อนุมัติดำเนินการ
“ทางรัฐบาลกัมพูชาเขาขอร้อง อยากให้ทางไทยชี้แจงทำความเข้าใจ กับสื่อ ประชาชน หรือยูทูเบอร์ ไม่ให้นำเสนอข่าวที่ทำให้คนเกลียดชังกัน เราจึงอธิบายกลับไปว่า ประเทศไทยเป็นระบอบประชาธิปไตย เราให้เสรีภาพกับสื่อ และประชาชนที่จะเสนอข่าวได้ เราต่างจากกัมพูชาที่เขาสามารถควบคุมได้เป็นเสียงเดียวออกมา แต่ประเทศไทยจะมีความหลากหลาย ซึ่งก็อยู่กันแบบนี้มานานแล้ว เราก็จะพยายามขอความร่วมมือ ทั้งนี้ขอให้คิดให้ดี ว่าคนกัมพูชาทั้งประเทศคิดแบบนี้หรือเปล่า ที่เหตุการณ์เป็นอย่างนี้เป็นคนทั้งประเทศหรือเปล่า เราไปสร้างความเกลียดชังทั้งหมดน่าจะไม่ถูกต้อง ฝากให้ไปคิด”
ส่วนที่จังหวัดสระแก้วห้ามคนไทยเดินทางข้ามไปคาสิโนฝั่งกัมพูชา เป็นมาตรการตอบโต้ใช่หรือไม่ พล.อ. ณัฐพล ชี้แจงว่า เป็น1 ใน 4 มาตรการเรื่องการเปิด-ปิดด่าน ยืนยันว่า เราเปิดด่านตลอดเวลา เพียงแต่กำหนดเวลาเปิด-ปิด จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าปิดด่าน เพราะทางฝ่ายกัมพูชาหยิบไปเป็นประเด็น เราคิดถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองฝั่ง เพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหาเรื่องดังกล่าว ถึงแม้ว่าคนของกัมพูชาจะเชื่อทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็มองว่าชาวกัมพูชาอีกส่วนหนึ่งไม่น่าจะมีความคิดเช่นนั้น ขอวิงวอนให้สื่อลงข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่เช่นนั้นตนก็จะโดนโจมตี ว่าเป็นคนไทยหัวใจเขมรเหมือนที่ผ่านมา