ดีแลป…
ใช่ดีแลปคนนั้นไหมนะ? ผมยังจำได้ถึงวันที่ได้เห็นชื่อของเจ้าหนู เลียม ดีแลป ในวันที่ย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเป็นดาวเด่นของอิปสวิช ทาวน์ (และเพิ่งจะย้ายไปร่วมทัพเชลซีสดๆ ร้อนๆ) ก่อนที่จะได้พบกับคำตอบว่า “ใช่ดีแลปคนนั้นจริงๆ!”
ดีแลปรุ่นก่อน – รอรี ดีแลป หนึ่งในนักฟุตบอลระดับตำนานของพรีเมียร์ลีกในระดับ ‘Cult Hero’ ที่ได้รับการจดจำมากที่สุดคนหนึ่ง
เพียงแต่การจดจำนั้นไม่ได้มาจากลีลาการเล่นระดับสุดยอด ความเป็นศิลปินลูกหนัง หรือสถิติผลงานที่น่าเหลือเชื่อ
‘ลูกทุ่ม’ ที่เคยเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของเกมลูกหนังต่างหากที่ถูกดีแลปเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นอาวุธสุดอันตราย ที่ครั้งหนึ่งคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกทุกทีมต่างเข็ดขยาดหากต้องเสียลูกทุ่มให้กับสโต๊ก โดยเฉพาะในช่วงท้ายของเกมการแข่งขัน
หนึ่งในเรื่องที่ถูกมองข้ามของเกมการแข่งขันฟุตบอลคือเรื่องของลูกทุ่ม ซึ่งเป็นการเล่น ‘เปิดเกม’ ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในเกมการแข่งขันมากกว่าลูกตั้งเตะ หรือลูกเตะมุม
ครั้งหนึ่ง เจอร์เกน คล็อปป์ เคยสร้างความฮือฮาด้วยการจ้าง โธมัส โกรนน์มาร์ก โค้ชผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการทุ่มมาช่วยฝึกสอนผู้เล่นในทีมลิเวอร์พูล ที่ประสบปัญหาไม่สามารถเล่นลูกทุ่มได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น โดยสถิติการทุ่มในช่วงฤดูกาล 2017/18 พวกเขาประสบความสำเร็จแค่ 45.4 เปอร์เซ็นต์ (ตามข้อมูลจาก Tifo Football) เป็นทีมที่ทุ่มแย่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของพรีเมียร์ลีก
แต่หลังโกรนน์มาร์กเข้ามาฝึกสอนในฐานะโค้ชพิเศษ สถิติของลิเวอร์พูลดีขึ้นอย่างมากในฤดูกาลถัดมา เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จเพิ่มเป็น 68.4 เปอร์เซ็นต์ เป็นทีมอันดับที่ 2 ของทั่วยุโรป เป็นรองเพียงแค่เอฟซี มิดทิลลันด์ จากเดนมาร์ก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่ง (ในหลาย) สโมสรที่ว่าจ้างโค้ชชาวเดนมาร์กด้วยเช่นกัน
โกรนน์มาร์กเคยให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้นว่า “ผมไม่กลัวที่จะพูดเลยว่าผู้เล่นระดับอาชีพมีความฉลาดในการเล่นลูกทุ่มน้อยมาก และยิ่งแย่ขึ้นไปอีกสำหรับผู้เล่นสมัครเล่นและนักเตะอายุน้อย เพราะ 99 เปอร์เซ็นต์ของนักฟุตบอลอาชีพและโค้ชที่ผมเคยติดต่อด้วยไม่เคยฝึกซ้อมลูกทุ่มมาก่อน หรือต่อให้เคยฝึกก็ไม่เคยฝึกฝนในระดับสูง”
อย่างไรก็ดี ย้อนกลับไปร่วมสิบปีก่อน พรีเมียร์ลีกเคยมีตำนานการทุ่มที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดที่แม้แต่สุดยอดผู้จัดการทีมหลายคนก็ไม่เคยพบเคยเห็นและไม่รู้จะหาวิธีการรับมืออย่างไร
“มันคือมิสไซล์จู่โจมที่แม่นที่สุดที่ผมเคยเห็นมาในชีวิต” แซม อัลลาร์ไดซ์ บอสจอมเก๋าในวงการฟุตบอลอังกฤษบอก
“สาบานได้ผมไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต” หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี นายใหญ่เชลซีในเวลานั้น ผู้ซึ่งเป็นโค้ชที่พาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2002 บอก
ลูกทุ่มดังกล่าวความจริงแล้วก็ไม่ใช่ลูกทุ่มพิศดารในแบบที่ออกมาจากมังงะญี่ปุ่นอะไร แต่เป็นการทุ่มที่ทั้งแรง ทั้งไกล ทั้งแม่นยำ ประหนึ่งกับมิสไซล์ไซด์ไวเดอร์ที่พร้อมพุ่งเข้าสู่เป้าหมายแบบชนิดที่ใครก็หยุดไม่ได้ ลูกทุ่มนั้นจะพุ่งตรงไปถึงใครสักคนในทีมสโต๊กที่อยู่ในกรอบเขตโทษ
และหลังจากนั้นคือประตูสำหรับทีม ‘The Potters’ ที่กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้าด้วยมากที่สุดในช่วงฤดูกาล 2007/08 ที่พวกเขาเพิ่งขึ้นชั้นมาจากเดอะแชมเปียนชิป
ว่าแต่ลูกทุ่มนี้ของดีแลปนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเขาไปค้นพบมันตอนไหน?
ความตลกของเรื่องนี้คือความจริงแล้วก็ไม่มีใครในทีมสโต๊กที่สนใจหรือรู้ความลับอะไรมาก่อนของดีแลป ซึ่งในช่วงเวลานั้นอายุ 32 ปี ผ่านการลงเล่นในระดับสูงสุดมากว่า 250 นัด
ความสามารถลับของดีแลปมาถูกเปิดเผยเอาในช่วงของการฝึกซ้อมครั้งหนึ่ง ในการเล่นสนุกๆ ระหว่างนักเตะในทีม
เกมในวันนั้นคือการแข่งกันว่าใครจะทุ่มได้ไกลที่สุด ซึ่งปรากฏว่าดีแลปได้ทำเอาเพื่อนร่วมทีมช็อกทั้งทีม เมื่อเขาสามารถทุ่มบอลได้ไกลเลยทางกว้างของสนามไปเสียอีก
โดยความลับที่ไม่มีใครรู้ในเวลานั้น ซึ่งดีแลปเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรกับการเล่นฟุตบอลเลยไม่ได้คิดจะโอ้อวดกับใคร คือการที่สมัยเด็กๆ เขาเคยเป็นนักกีฬาพุ่งแหลนมาก่อน
นั่นทำให้เขาไม่เพียงแต่จะมีพลังจากไหล่และแขนที่น่าเหลือเชื่อติดตัวมา เขายังมีทักษะการขว้างที่ยากจะหาตัวจับได้ยาก
โชคดีสำหรับสโต๊กที่ เดวิด เคมป์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมในเวลานั้นก็จับตาดูการเล่นของนักเตะในทีมอยู่ เมื่อได้เห็นการทุ่มที่น่าเหลือเชื่อก็เลยรีบไปบอก โทนี พูลิส บอสใหญ่ของทีมในเวลานั้น และทำให้ได้ไอเดียสำคัญที่จะเป็นความหวังของทีมในการจะอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกให้ได้
ด้วยทักษะความสามารถเฉพาะตัวและทีมเวิร์ก สโต๊กคงสู้กับทีมอื่นเขาไม่ไหวหรอก
แต่ด้วยลูกทุ่มของดีแลปและการฝึกซ้อมในการใช้งานอย่างดีที่สุด (รวมถึงทริกเล็กน้อยด้วยการสั่งให้ลดขนาดทางกว้างของสนามบริทาเนีย สเตเดียม ให้เหลือแค่ 64 เมตร ซึ่งแคบที่สุดเท่าที่กติการะบุไว้ เพื่อให้ลูกทุ่มได้ผลดีที่สุด) นี่จะเป็นอาวุธสุดอันตรายสำหรับพวกเขา
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ดีแลปกลายเป็นนักฟุตบอลที่เปลี่ยนแปลงนิยามของการทุ่มไปตลอดกาล และในกรอบ 18 หลาคือระยะทำการที่เขาพร้อมจะทุ่มถึงใครก็ได้ในทีม โดยที่พูลิส เองก็เลือกนักเตะที่สูงใหญ่แข็งแกร่งที่พร้อมจะเปลี่ยนโอกาสจากการทุ่มให้เป็นประตู
มามาดี ซิเดเบ เป็นคนแรกที่ได้แอสซิสต์จากดีแลป ในเกมกับแอสตัน วิลลา ในเดือนสิงหาคม 2008 ต่อด้วย เซยี โอโลฟินยานา ตามด้วยการลั่นทำเข้าประตูตัวเองของ ฟิล จาเกียลกา ในเกมกับเอฟเวอร์ตัน เดือนถัดมา
ริคาร์โด ฟูลเลอร์ ได้แอสซิสต์จากลูกทุ่มของดีแลปในเกมกับพอร์ทสมัธและซันเดอร์แลนด์ในเดือนพฤศจิกายน แม้กระทั่งอาร์เซนอลก็เสียท่าให้กับลูกทุ่มมหาประลัยที่ไปถึงโอโลฟินยานาและฟูลเลอร์ที่ทำเอา อาร์แซน เวนเกอร์ หงุดหงิด
“ถ้าผมทุ่มบอลได้สมบูรณ์แบบด้วยความสูงและคุณภาพของผู้เล่นในทีมของเรา ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางที่ใครจะป้องกันได้เลย และมันก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว” ดีแลปให้สัมภาษณ์หลังจบเกมกับอาร์เซนอล
จบดูกาลดังกล่าวสโต๊ก ไม่เพียงแค่รอดตกชั้นแต่พวกเขาอยู่ถึงอันดับที่ 12 ซึ่งต้องขอบคุณลูกทุ่มของดีแลปที่ช่วยทำให้ทีมได้ประตูถึง 9 ลูก จากจำนวนทั้งหมด 38 ประตูที่ทำได้ตลอดฤดูกาล หรือคิดเป็น 1 ใน 4 เลยทีเดียว
ลูกทุ่มไกลของดีแลปกลายเป็นประเด็นใหญ่ตลอดทั้งปี มีการตั้งคำถามว่าสิ่งนี้มันถูกต้องไหม เหมาะสมไหม โกงไหม นี่มันใช่ฟุตบอลไหม ขณะที่คู่แข่งเองก็พยายามที่จะหาทางหยุดยั้งลูกทุ่มไกลทรงพลานุภาพของเขาให้ได้ เพียงแต่การหาคำตอบนั้นเป็นไปได้ยากในเวลานั้น
ภาพของดีแลปที่ยืนเช็ดบอลข้างสนามเตรียมที่จะทุ่มไกลยัดเข้ามาคือเรื่องสยองของนักเตะ ผู้จัดการทีม และแฟนบอลคู่แข่ง ที่ชวนขนลุกในช่วงเวลาหนึ่งของเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
ที่แม้เรื่องจะผ่านมานานแล้ว จนลูกชายของเขาก็เติบใหญ่ได้ดิบได้ดีแล้ว และการทุ่มไกลก็กลายเป็นหนึ่งในอาวุธที่หลายทีมฝึกฝนการใช้งาน ในฐานะหนึ่งในการเปิดเกมที่สามารถเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพได้
แต่ผู้คนยังจดจำลูกทุ่มที่ไม่มีใครหยุดได้ของ รอรี ดีแลป ได้เหมือนเดิม
เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
อ้างอิง:
- https://www.skysports.com/football/news/11701/13213297/stoke-city-how-rory-delaps-undefendable-long-throws-caused-premier-league-chaos
- https://www.nytimes.com/athletic/6364786/2025/05/22/long-throws-premier-league-rory-delap/
- https://www.theguardian.com/football/2020/sep/23/liverpool-throw-in-coach-thomas-gronnemark-klopp