เมื่อผู้บริโภคเบื่อไว แบรนด์ใหญ่จึงต้องปรับตัวไวกว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่หลายเจ้าจับมือกัน สร้างความแปลกใหม่ให้ตลาด ด้วยความหวังจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์สดใหม่และน่าติดตามอยู่เสมอ
แต่ทำไมแบรนด์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ถึงยังต้องจับมือกับค่ายอื่น? คำตอบอยู่ที่พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อทิศทางตลาดอย่างมาก
แม้แต่ ‘กระทิงแดง’ ที่ในอดีตเคยยึดฐานลูกค้าวัยทำงานหรือกลุ่มใช้แรงงานเป็นหลัก ยังต้องขยับตัว เร่งขยายตลาด จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีพลังซื้อและพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างออกไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ขาดทุนมา 10 ปี วันนี้ ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ กลับมาโตแล้ว ตั้งเป้าจะเป็นเบอร์ 1 ในแง่จำนวนสาขา
- กาแฟพันธุ์ไทยจะไม่เป็นแค่เบอร์ 2 ขอท้าชิงส่วนแบ่งตลาดกาแฟให้ได้ 45% เปิดตัว กาแฟดริป
- สนามรบเอเนอร์จี้ดริงก์แข่งเดือด! TCP มั่นใจ การดึง แบมแบม GOT7 ขึ้นเป็นพรีเซนเตอร์…
วรวุฒิ พงศ์ชินภัค ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า แบรนด์กระทิงแดงกำลังเดินหน้าเข้าหาคนรุ่นใหม่ ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือจัดกิจกรรมตลาดให้ตรงใจผู้บริโภคยุคนี้
หนึ่งในหมัดเด็ดคือการคอลแลบกับพันธมิตรใหม่อย่างกาแฟพันธุ์ไทย แม้จะไม่เคยร่วมมือกับใครอย่างจริงจังมาก่อน แต่ TCP มองเห็นศักยภาพของกาแฟพันธุ์ไทยที่เติบโตเร็วและมีสีสันในตลาด
เกิดเป็นแคมเปญ ‘ดีดศาสตร์’ ที่กระทิงแดงและกาแฟพันธุ์ไทยนำเอา DNA ของสองแบรนด์มาผสานกัน สร้างสรรค์ 4 เมนู ได้แก่ ช้างยกกำลังทิง, ทิงซ่าโดดกำแพง, กำลังช้างสาว, และช้างกระทืบงาน หวังปลุกกระแสให้ผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์ โดยทั้ง 4 เมนูวางขายในร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขา และมั่นใจว่าจะสามารถเจาะกลุ่ม Young Generation ที่มองหาเครื่องดื่มที่ใช่ทั้งรสชาติและคาแรกเตอร์ได้เป็นอย่างดี
ด้าน สุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการจากกาแฟพันธุ์ไทย ฉายภาพว่า เทรนด์ของวัยทำงานส่วนใหญ่ในช่วงเช้าจะนิยมดื่มกาแฟเพื่อแก้ง่วง ส่วนคนรุ่นใหม่ในวัยเรียนทำโปรเจกต์ จะนิยมดื่มกาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังไปพร้อมกันเพื่อสร้างเอเนอร์จี้ให้กับตัวเอง
หนึ่งอินไซต์ที่เห็นได้ชัดคือพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่มีความเป็นIndependent Generation มากขึ้น ต้องการความแปลกใหม่ เป็นตัวของตัวเอง และมองหาเครื่องดื่มรสชาติที่แตกต่าง บางกลุ่มมีความไม่ได้กินเอาอิ่ม แต่กินเอาคอนเทนต์ แสดงถึงความสำคัญในการหา New Experience และแบ่งปันบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น
“เรียกได้ว่าเทรนด์ดังกล่าวมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ทำให้แบรนด์ต้องไม่หยุดนิ่งในการสร้างแบรนด์ โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ตลอดเวลา นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงจับมือกับ TCP พัฒนาแคมเปญดีดศาสตร์ออกมาสู่ตลาด”
นอกจากการหาลูกค้าใหม่ๆ แล้ว กาแฟพันธุ์ไทยยังเดินหน้าสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมี 1,580 สาขา สร้างยอดขายต่อวันต่อสาขาอยู่ที่ 200 แก้ว โดยคาดว่าภายในปลายปีนี้จะขายได้300 แก้วต่อวันต่อสาขา และในปีนี้เตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 600 แห่ง เรียกว่าเปิดร้านเดือน 50 แห่งกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การจับมือระหว่างกระทิงแดงและกาแฟพันธุ์ไทยนั้นอาจไม่ใช่แค่แคมเปญทางการตลาดธรรมดา แต่คือการผสานพลังที่แตกต่างหวังได้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นลูกค้า นี่คือบทพิสูจน์ว่าแบรนด์ใหญ่ไม่ใช่แค่ต้องใหญ่ แต่ต้องไวและใหม่อยู่เสมอหากอยากครองใจคนยุค Gen Z ให้ได้ระยะยาว
