อยู่อาศัยกันหลายเจเนอเรชันในบ้าน ควรจัดพื้นที่อย่างไรให้ไม่ขัดแย้งกัน
ในวัฒนธรรมครอบครัวไทย การอยู่อาศัยแบบหลายเจเนอเรชันหรือครอบครัวใหญ่ ไม่ใช่เรื่องแปลก บ้านหนึ่งหลังอาจมีทั้งปู่ย่าตายาย พ่อแม่ และลูกหลานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่น ภาพคุณตานั่งดูทีวีกับหลาน หรือเสียงเรียกมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาในห้องครัว เป็นภาพที่เราคุ้นตากันดี ซึ่งการใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ก็มีข้อดีอยู่มาก ทั้งความอบอุ่นทางจิตใจ การแบ่งเบาภาระดูแลซึ่งกันและกันของคนในแต่ละช่วงวัย แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อแต่ละคนมีวิถีชีวิต ความคิด และภาระหน้าที่ที่แตกต่างกัน ‘ช่องว่างระหว่างวัย’ หรือ Generation Gap ก็มักจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด เราจึงอยากจะชวนทุกคนมาแก้ปัญหานี้ไปด้วยกัน โดยใช้วิธีการจัดสรรพื้นที่ภายในบ้าน
เมื่อเกิด ‘ช่องว่างระหว่างวัย’ บ้านจึงอาจไม่ใช่ Safe Space ของทุกคน
หลายครั้งความขัดแย้งเล็กๆ มักเริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ อย่างเสียงทีวีที่ดังไปสำหรับคนวัยทำงาน การตื่นสายของวัยรุ่นที่ดูไม่ค่อยเข้าท่ากับตารางชีวิตของผู้สูงวัย หรือแม้แต่การที่สมาชิกในบ้านไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ทำให้เกิดการ ‘ล้ำเส้น’ โดยไม่ตั้งใจ และนั่นจึงอาจทำให้เกิด ‘ช่องว่างระหว่างวัย’ ทำให้คนไม่เข้าใจกัน แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราจัดบ้านให้รองรับความต่างได้อย่างพอดี
บ้านที่ดีต้องมีทั้ง Me Time และ We Time
แนวทางที่ช่วยลดความตึงเครียดจากช่องว่างระหว่างวัยได้อย่างได้ผล คือการออกแบบพื้นที่ภายในบ้านให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตแบบเดี่ยวและแบบร่วมกัน โดยแบ่งพื้นที่หลักๆ ออกเป็น 2 ส่วน คือ
- Me Time พื้นที่ส่วนตัวที่ทุกคนสามารถใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบ โดยไม่ถูกรบกวน
- We Time พื้นที่ที่เหมาะสำหรับให้สมาชิกในครอบครัวได้มาใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือสวนหลังบ้าน
แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นแค่ทฤษฎี แต่ถูกนำมาปรับใช้จริงในการออกแบบบ้านหลายโครงการของ AP โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านหรูระดับ Ultra Luxury ที่ต้องรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยหลายเจเนอเรชันอย่างแท้จริง
เช่นที่โครงการ THE PALAZZO โครงการบ้านหรูที่ยึดแนวคิด Multi Generation Living มาใช้ในการออกแบบอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่จัดไว้ให้ผู้สูงอายุอยู่ชั้นล่าง การมีพื้นที่ส่วนตัวให้คนแต่ละเจเนอเรชัน หรือห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกแต่ละวัย เช่น เป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย หรือห้องเรียนออนไลน์
หรืออย่างเช่นที่โครงการ BAAN KLANG KRUNG โครงการบ้านหรูที่จัดพื้นที่เป็น Vertical Estate Living on ground ให้ทุกคนมีชั้นของตัวเอง เช่น ชั้นล่างสำหรับผู้สูงวัย ชั้นกลางเป็นโซนของครอบครัว และชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ของลูกหลานวัยรุ่นที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยลดความตึงเครียด แต่ยังส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
บ้านที่เข้าใจคนทุกวัย คือบ้านที่อยู่แล้วสบายใจ
เพราะบ้านไม่ได้มีหน้าที่แค่ ‘อยู่’ แต่ควรเป็นที่ที่ทุกคนรู้สึกว่า “อยู่แล้วเป็นตัวเอง” ได้อย่างเต็มที่ การออกแบบบ้านให้รองรับครอบครัวหลายเจเนอเรชัน จึงไม่ใช่แค่เรื่องของฟังก์ชัน แต่คือการใส่ใจความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างลึกซึ้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/xkca