วันนี้ (27 พฤษภาคม) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นถึงคดีฮั้ว สว. ว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งคณะกรรมการสืบสวนฯ ขึ้นมา เพราะมีการร้องเรียนไปที่ กกต. โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้าร่วมด้วย มีพยานหลักฐานต่างๆ ไหลไปที่ DSI เขาจึงทำตามหน้าที่ ไม่ต้องมีใครไปสั่ง ถ้าไม่ทำเขาอาจจะโดนมาตรา 157
ทักษิณกล่าวต่อไปว่า เมื่อ DSI มีพยานหลักฐาน ส่วน สว. หรือผู้ถูกกล่าวหาก็แก้ไปตามประมวลกฎหมาย ทุกอย่างเมื่อมีกระบวนการเข้าไปแล้ว ก็ต้องจบที่กระบวนการ
“เหมือนผมที่ถูกทหารเกี่ยวเบ็ดไว้ 112 ตอนสมัยปฏิวัติ เมื่อผมกลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการให้จบ เราบริสุทธิ์ก็อธิบายให้บริสุทธิ์ ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องนี้เมื่อมีกระบวนการแล้ว การจะหยุดกลางกระบวนการไม่ได้ ไม่งั้นทุกคนก็ยังมีปัญหาหรือคดีค้างอยู่” ทักษิณกล่าว
มองยิ่งลักษณ์กลับไป รอสถานการณ์สงบก่อน
ทักษิณยังตอบข้อซักถามเรื่องคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายจากการทุจริตในโครงการจำนำข้าว โดยระบุว่า ศาลได้อธิบายอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่องนี้คุณยิ่งลักษณ์เป็นโจทก์ เขาไม่ได้เป็นจำเลย คุณยิ่งลักษณ์ฟ้องว่ากระทรวงการคลังทำไม่ถูก จะปรับตั้ง 3,500 ล้านบาท ศาลได้ตรวจดูแล้ว เห็นว่าบางอันก็ถูกบางอันก็ไม่ถูก จึงปรับได้ไม่เกิน 10,028 ล้านบาท
“แต่จะปรับได้อย่างนั้นก็ต้องไปดูว่ากระทรวงการคลังเคยได้รับการชดเชยจากคนอื่นมาแค่ไหนอย่างไร ขาดเหลือเท่าไร ข้าวขายได้อย่างไรเบ็ดเสร็จแล้วเสียหายจริงหรือไม่ หากเสียหายจริงไม่ถึงหมื่นล้าน ก็ปรับไม่ถึง นี่คือกติกาที่ออกมาอย่างนี้ คุณยิ่งลักษณ์ก็ยังมีสิทธิ์เสนอให้ศาลพิจารณาใหม่ได้ภายใน 90 วัน” ทักษิณกล่าว
ทักษิณยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยกับยิ่งลักษณ์อยู่บ้าง ส่วนเรื่องคดีทุจริตก็ต้องสู้กันไปตามคดี เป็นคนละส่วนกัน คดีนี้เป็นเรื่องของแพ่ง ไม่ได้เกี่ยวกับทางอาญา ส่วนจะกระทบกับการตัดสินใจเดินทางต่างประเทศไทยของยิ่งลักษณ์หรือไม่ ก็ต้องรอให้เหตุการณ์ทุกอย่างสงบๆ ก่อน