มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศว่า แคนาดาจะ ‘ไม่มีวัน’ ยอมจำนนต่อสหรัฐฯ ขณะประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปช่วงเช้ามืดวันอังคาร หลังจากตลอดการหาเสียงต้องเผชิญกับการยั่วยุและมาตรการเก็บภาษีการค้าอย่างรุนแรงจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ถ้อยแถลงของคาร์นีย์ ผู้นำพรรคเสรีนิยม กล่าวโจมตีทรัมป์อย่างรุนแรง พร้อมส่งสาส์นแห่งความสามัคคีไปยังคนแคนาดาทั้งประเทศ โดยให้คำมั่นว่าจะเป็นตัวแทนของทุกคนที่เรียกแคนาดาว่าบ้าน
“อย่างที่ผมได้เตือนมาหลายเดือนแล้วว่า อเมริกาต้องการแผ่นดิน ทรัพยากร น้ำ และประเทศของเรา แต่คำขู่เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องลอยๆ ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามทำลายเราเพื่อที่อเมริกาจะได้ครอบครองเรา แต่สิ่งนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น” คาร์นีย์กล่าว พร้อมยกย่องการพลิกสถานการณ์อย่างน่าทึ่งของพรรคเสรีนิยมในการเลือกตั้งครั้งนี้
นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำสิ่งที่เขาพูดมาตลอดการหาเสียง เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงในความสัมพันธ์ระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ โดยระบุว่า “เราผ่านพ้นความตกใจจากการถูกสหรัฐฯ ทรยศมาแล้ว แต่เราต้องไม่ลืมบทเรียนครั้งนี้ เราต้องดูแลตัวเอง และที่สำคัญที่สุด เราต้องดูแลกันและกัน”
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้มอบอำนาจให้พรรคเสรีนิยมกลับมาเป็นรัฐบาลอีกสมัยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 แต่ยังไม่แน่ชัดว่าพรรคจะได้เสียงข้างมากหรือไม่ โดยพรรคต้องการ 172 ที่นั่งจึงจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ สถานีโทรทัศน์ CTV รายงานว่าพรรคเสรีนิยมจะได้เพียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะที่ CBC ยังระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปผล
ด้าน ปิแอร์ ปัวลิเยฟร์ หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ในช่วงเช้าวันนี้ (29 เมษายน) ตามเวลาท้องถิ่น โดยระบุว่าคาร์นีย์มีจำนวนที่นั่งมากพอที่จะจัดตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อยที่เฉียดฉิว”
มาร์ก คาร์นีย์ วัย 60 ปี อดีตผู้ว่าการธนาคารกลาง ซึ่งไม่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน เคยมีบทบาทสำคัญในการนำเศรษฐกิจของแคนาดาฝ่าวิกฤตการเงินปี 2008 และต่อมายังเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ช่วยสหราชอาณาจักรรับมือกับ Brexit ซึ่งเขาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่แคนาดาอาจเผชิญจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
ขณะที่มาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์ต่อสินค้าแคนาดาสร้างความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพของแคนาดา โดยเฉพาะการเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม รถยนต์ และชิ้นส่วนรถยนต์ที่อัตรา 25% รวมถึงการขู่ขึ้นภาษียาและไม้แปรรูป ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อธุรกิจและกดดันการจ้างงานภายในประเทศ
คาร์นีย์เตือนว่า “ยังมีวันเวลาที่ยากลำบากรออยู่ข้างหน้า” แต่ให้คำมั่นว่าจะ “สร้างแคนาดาขึ้นมาใหม่” เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้าน โรงงาน หรือแหล่งพลังงานใหม่ทั้งในรูปแบบพลังงานสะอาดและแบบดั้งเดิม
แม้จะไม่ปิดโอกาสเจรจากับทรัมป์ แต่คาร์นีย์ก็ได้เริ่มกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่ “เชื่อถือได้” มากขึ้น โดยการเดินทางไปเยือนยุโรปเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสและอังกฤษในเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การทหาร และความมั่นคง
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่า คาร์นีย์คือบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการนำพาแคนาดาฝ่าภาวะสงครามการค้ากับพันธมิตรที่เคยใกล้ชิด
ภาพ: Jennifer Gauthier TPX IMAGES OF THE DAY / Reuters
อ้างอิง:
