วันนี้ (23 เมษายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเตรียมแผนสนับสนุนทีมเจรจาฝ่ายไทย ที่จะเดินทางไปพูดคุยขอลดภาษีกับทางสหรัฐอเมริกาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ว่า กรณีที่ฝ่ายไทยถูกสหรัฐฯเลื่อนเวลานั้นต้องเข้าใจว่า แม้แต่สหรัฐฯยังเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา ดังนั้นฝ่ายไทยขณะนี้เตรียมตัวให้ดีที่สุด นิ่งที่สุด เมื่อได้วันเวลาที่ชัดเจนแล้ว ก็พร้อมที่จะไปพูดคุย
ส่วนสาเหตุการเลื่อนนั้นตนมองว่าไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด ซึ่งมีที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก รวมถึงกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่กองทัพเองก็มีการสำรวจว่าเรามีการซื้ออาวุธจากสหรัฐเท่าไหร่ แต่ไม่ได้มีการนำไปผนวกดุลการค้า เพราะต้องไปพูดคุยกันก่อน รวมถึงรายละเอียดในเรื่องอื่นๆ ด้วย
ภูมิธรรมกล่าวว่า แม้หน่วยงานความมั่นคงไม่ได้ไป แต่หากทีมเจรจาที่ไปคุยแล้วทางสหรัฐฯมีข้อเสนอในเรื่องของความมั่นคง ก็สามารถแจ้งมายังตน และตนพร้อมที่จะดำเนินการให้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วย ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนถูกสหรัฐฯ จำกัดวีซ่ากรณีส่งอุยกูร์กลับจีน ส่วนจะจัดการอย่างไรก็ให้รอดูผลการปฏิบัติแล้วค่อยวิจารณ์
ส่วนสมดุลระหว่างจีนและสหรัฐฯ ภูมิธรรมกล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทยกับจีนยังดีอยู่ส่วนสหรัฐฯ ได้พูดคุยอยู่บ่อยครั้งยังยืนยันว่าเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน นอกจากนี้ช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคมจะเดินทางไปประเทศเยอรมัน พบปะกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหลายประเทศ และการประชุมแชงกรี-ลาที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งต้องพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และจีน
“ในการเจรจาหรือการพูดคุย ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นแล้วมากล่าวหาว่าอ่อนหัด อยากให้ดูผลของการเจรจาดีกว่า ไม่ใช่พอเห็นรูปผู้แทนประเทศอินเดียกับสหรัฐฯพูดคุยกัน แล้วมาบอกให้รัฐบาลไทยดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งเราก็ดูอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะแย่กับเขา ต้องให้เกียรติกัน” ภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามว่า หากสหรัฐฯ กดดันเปลี่ยนเครื่องบินรบฝูงใหม่จาก Gripen เป็น F-16 เพื่อแลกกับการลดภาษีนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคุยในระยะยาว เพราะเครื่องบิน F-16 มาด้วยเงื่อนไขให้เรากู้เงินกับทางสหรัฐฯ
“ผมได้พูดกับทูตสหรัฐฯ ไปแล้ว เราไม่เคยกู้เงินมาซื้ออาวุธ อยู่ดีๆ จะให้เรามากู้เงินซื้ออาวุธ ท่านไม่ตาย แต่ผมตาย ซึ่งหากไม่มีเงื่อนไขการกู้เงินนี้ ก็สามารถพูดคุยได้เพราะเรามองว่า กำลังรบของกองทัพอากาศไทย มีอยู่หลายเฟส ส่วนที่นายกรัฐมนตรี เตรียมจะเดินทางไปประเทศสวีเดนเพื่อเซ็นสัญญาการซื้อเครื่องบิน Gripen นั้น ผมยังไม่ทราบ เพราะปัจจุบันนี้ทางกองทัพอากาศยังไม่ได้ยื่นมาให้ผมเซ็นเลย ยังไม่ได้เข้าครม.” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมย้ำ 3 หลักการซื้ออาวุธ ไม่ใช่ซื้อเอามาเท่
ภูมิธรรมกล่าวถึงแนวทางการจัดซื้ออาวุธของกองทัพว่า ต้องคำนึงถึงกรอบ 3 ด้าน คือ 1.ความต้องการต้องสอดคล้องภารกิจไม่ใช่ซื้อมาแค่ความเท่ 2. ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งานและสอดคล้องกับสถานการณ์ และ 3. มีความเหมาะสมกับงบประมาณและการปฏิบัติงานในพื้นที่
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปกองทัพและลดกำลังพลว่า ได้พูดคุยกับทุกเหล่าทัพถึงแนวทางในการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามลำดับความจำเป็นซึ่งที่สุดอาจจะต้องมีการยุบบางหน่วยและไปเพิ่มภารกิจให้กับบางหน่วย แต่ต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงให้กองทัพมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความพร้อมรบ และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในบางส่วน นอกจากนี้จะพิจารณาอัตรากำลังตั้งแต่ระดับโรงเรียนทหารว่าจะมีการรับเข้ามาจำนวนเท่าไหร่ ทั้งโรงเรียนนายสิบ โรงเรียนนายร้อย ก็จะสามารถตัดลดกำลังพลลงไปได้
ขณะเดียวกันจากนี้ไปการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องมีความสอดคล้องกับขนาดของกองทัพที่จะมีการปฏิรูปให้เล็กลง ภาพรวมการปฏิรูปกองทัพจะต้องเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมภายในปี 2580 ตามแผน และสอดคล้องกับภารกิจของกองทัพ ภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกยุคปัจจุบัน
