วันนี้ (24 มีนาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2) วาระพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันแรก
ในช่วงการอภิปรายของ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เกี่ยวกับมีการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีกว่า 200 ล้านบาท ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น มี สส. ของพรรคเพื่อไทย มีการประท้วงเป็นระยะๆ
ไชยวัฒน์ ติณรัตน์ สส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงคำว่าผู้ประท้วงได้อภิปรายมีการเสียดสีคำว่า ทุจริต พร้อมกล่าวว่า ตระบัดสัตย์หรือไม่ เคยระบุว่า มีลุงไม่มีเรา วันนี้อยู่กับลุงแล้วไม่ใช่เหรอ ซึ่งประธานวินิจฉัยว่า คำว่าทุจริตนั้นมีคำอยู่ในญัตติ
ขณะที่ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ท่านประธานมีคำวินิจฉัยไปแล้ว แต่ผู้อภิปรายมีการเสียดสี โดยผู้อภิปรายไม่มี Gender Lens สส. ในปัจจุบันเรามีการรณรงค์เรื่องนี้อยู่ว่า การพูดถึงผู้หญิง เสื้อผ้าหน้าผม โดยขอให้ประธานช่วยพิจารณาด้วย
นอกจากนี้ นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส. ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงโดยกล่าวว่า ผู้อภิปรายเสียดสีเหมือนคนจะไม่ได้อยู่ในสภาอีกแล้ว โดยวิโรจน์ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงว่า “หากอยู่ในสภาแล้วต้องอยู่ในฐานะลิ่วล้อ เป็นบริวารที่ไม่มีศักดิ์ศรีของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอยู่ไปทำไม ไม่มีศักดิ์ศรีของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลย”
จากนั้น ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ตั้งแต่ที่ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ อภิปรายก็พยายามบอกเพื่อนๆ ว่า อย่านะ ต้องให้เกียรติเขา แต่เมื่อตนเองฟังวิโรจน์อภิปรายไม่มีคำว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสักคำ ว่าแต่เขาทุจริต อภิปรายเองยังทุจริตเชิญชวนให้คนมาสนับสนุนพรรค ทั้งยังขู่ว่าหากโหวตให้นายกฯ จะผิดข้อบังคับ เป็นการกรรโชก จึงขอให้วิโรจน์ใจเย็นลง น่าจะดีกว่านี้ รู้สึกเป็นห่วง เพราะเหมือนคนสติแตก
จากนั้นพิเชษฐ์กล่าวว่า การอยู่ในสภาเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล ท่านจะสุภาพหรือไม่ เป็นเรื่องของท่านแต่หากเกินไปก็ต้องมีการประท้วง ประชาชนเขาก็จะตัดสิน
จากนั้น ธีระชัย แสนแก้ว สส. อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ฟังมาวิโรจน์เสียดสีมาโดยตลอด ต่อไปจะพูดจาอะไรต้องพยายามใช้สมอง เขาใช้สมองแค่สองซีก ซีกแรกยกตนข่มท่าน ด้อยค่าคนอื่น เสียดสีคนอื่น ส่วนอีกซีกยกย่องแต่พวกตนเอง จึงขอให้ประธานสภาวินิจฉัยเอาจริงเอาจังไม่เช่นนั้นจะได้ใจ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ไอ้เหลือก”
พิเชษฐ์กล่าวต่อว่า วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และตนเองพยายามตักเตือนในวิโรจน์ให้สุภาพ และให้เกียรติผู้ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะนายกฯ เมื่อออกไปข้างนอกแล้วประชาชนจะมองท่านอย่างไร
วิโรจน์ขอใช้สิทธิพาดพิง กล่าวถึงครูมานิตย์ ซึ่งปกติทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี การพูดถึงเพื่อให้ สส. เข้าใจศักดิ์ศรีของความเป็นผู้แทนราษฎรไม่ได้ผิดข้อบังคับ อีกท่านไม่อยากเอ่ยชื่อมาบอกว่าใช้สมองซีกซ้ายซีกขวา ใช้สองซีก ตนเองดีใจที่ยังใช้สมอง แต่คำพูดของท่านชัดเจนแล้วว่าไม่มีสมอง
จากนั้นธีระชัยกล่าวต่อว่า ไม่เป็นไร หากจะมีการต่อล้อต่อเถียงแบบนี้เขาใช้สมองสองซีก ยกย่องตนเองกับพวกและดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ประสบความสำเร็จในด้านอะไรบ้าง นอกจากใช้ปากเป็นอาวุธ ระวังปากด้วย
ขณะที่ ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. ระยอง พรรคประชาชน ประท้วงประธานในที่ประชุม ขอให้ควบคุมการประชุม ฝ่ายรัฐบาลประท้วงซ้ำซาก ตนเองก็อดทนฟังว่าประท้วงเรื่องอะไรประธานวินิจฉัยแล้วก็ไม่เคารพ เรื่องเคารพ ศักดิ์ศรีของผู้แทนเรื่องหนึ่ง แต่ข้อบังคับก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งประธานต้องวางตัวเป็นกลาง ประธานควบคุมการประชุมโดยการตักเตือนฝั่งตนเอง โดยที่ไม่ตักเตือนฝ่ายรัฐบาล ท่านกำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง
ก่อนที่ ศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส. เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า ในการอภิปรายของวิโรจน์มีการกล่าวถึงคนนอกเป็นจำนวนมาก จึงขอให้สภานำชื่อคนนอกที่ไม่อยู่ในญัตติออก เพื่อความถูกต้องในการอภิปราย ทำให้พิเชษฐ์กล่าวต่อว่า หากเขากล่าวถึงคนนอกก็ต้องรับผิดชอบเอง
อย่างไรก็ตาม สมาชิกที่มีการประท้วงขณะที่วิโรจน์นั้นล้วนเป็นบุคคลที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับการประชุม เช่น ไชยวัฒน์ ติณรัตน์ สส. มหาสารคาม, ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส. บัญชีรายชื่อ, นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส. ศรีสะเกษ, ธีระชัย แสนแก้ว สส. อุดรธานี
